ปุ๋ยมูลค้างคาว ปุ๋ยอินทรีย์เคมี ตราเขาเพชร
ข้อดีของปุ๋ยมูลค้างคาว
1 มีปริมาณความเข้มข้นของธาตุอาหารพืชสูงกว่าปุ๋ยอินทรีย์ชนิดอื่น
2 ปุ๋ยมูลค้างคาวนอกจากจะให้ธาตุอาหารที่เพียงพอแล้ว
ยังช่วยปรับปรุงโครงสร้างของดินด้วยทำให้ดินร่วน ดินซุย
3 ในมูลค้างคาวอุดมไปด้วย
ธาตุอาหารรอง ธาตุอาหารเสริม เช่น แคลเซี่ยม แมกนีเซี่ยม กำมะถัน เหล็กแมงกานีส
สังกะสี ทองแดง โบรอน และโมลิบดินัม คลอลีน
ซึ่งเพียงพอต่อความต้องการของพืชโดยทั่วไป
4 ในมูลค้างคาวมีธาตุอาหารฟอสฟอรัสมากเป็นพิเศษ
จึงเหมาะสมกับการนำมาใช้ทั้งใน พืชผัก พืชสวน พืชไร่ และไม้ดอก ไม้ประดับ
จะช่วยเพิ่มในเรื่องของ สีสัน รสชาติ และเพิ่มผลผลิตได้อย่างดี
ส่วนประกอบสำคัญในการผลิตปุ๋ย
1 วัตถุดิบมูลค้างคาว
มูลค้างคาวจำนวนมหาศาลที่บริษัทฯได้รับสัมปทานถ้ำค้างคาวนั้น
สามารถนำมาผลิตปุ๋ยที่มีคุณภาพได้อย่างต่อเนื่องเพียงพอต่อความต้องการ
ซึ่งคุณสมบัติพิเศษของมูลค้างคาวเป็นที่ยอมรับกันโดยทั่วไปว่ามีประโยชน์ต่อพืชมากมาย
อุดมไปด้วยธาตุอาหารครบตามที่พืชต้องการ
และพืชสามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้อย่างสมบูรณ์
2 สารอาหารนำเข้าจากประเทศญี่ปุ่น
เป็นวัตถุดิบชั้นเยี่ยมอีกชนิดหนึ่งที่มีคุณค่าต่อการเจริญเติบโตของพืชเป็นอย่างมาก
ซึ่งทางบริษัทฯได้นำมาเป็นส่วนผสมในการผลิตปุ๋ยด้วยเช่นกัน
เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพเป็นเท่าทวีคูณ เพราะสารอาหารดังกล่าวมีธาตุอาหารหลัก
ธาตุอาหารรอง และธาตุอาหารเสริม รวมทั้งฮิวมัส ฮิวมิค อะมิโน สารอาหารชนิดนี้เป็นเคมีธรรมชาติ
ที่เป็นผลพลอยได้จากกระบวนการผลิตอาหารของประเทศญี่ปุ่น รัฐบาลไม่ได้ตีค่าเป็นเคมี
แต่ด้วยคุณค่านั้นเหนือกว่าเคมีนำเข้าโดยทั่วไป การปลดปล่อยต่างกัน
ให้คุณค่าที่สูงกว่า พืชจึงสามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้ดีกว่า
3 จุลินทรีย์สายพันธุ์พิเศษนำเข้าจากประเทศอิสราเอล
เป็นอีกส่วนผสมหนึ่งที่ใช้ในกระบวนการผลิตปุ๋ยของทางบริษัทฯ
จุลินทรีย์สายพันธุ์นี้ มีคุณสมบัติพิเศษหลายประการ
สามารถทำลายเชื้อโรคซึ่งเป็นสาเหตุของรากเน่า โคนเน่า ในพืชทุกชนิด
ช่วยพัฒนาระบบราก ปรับสภาพดินที่เสียให้ร่วนซุย ปรับค่า PH ของดินให้เหมาะสม
อัตราและวิธีการใช้
ชนิดพืช :นาข้าว
ระยะที่ใช้ : ระยะแรก 15 30 วันอัตราการใช้ : 40 80 กก.ต่อไร่ วิธีการใช้ : หว่านทั่วแปลง
ระยะที่ใช้ : ระยะแรก 50 60 วันอัตราการใช้ : 40 80 กก.ต่อไร่ วิธีการใช้ : หว่านทั่วแปลง
ชนิดพืช :ข้าวโพด
ระยะที่ใช้ : ระยะพร้อมปลูก อัตราการใช้ : 50 100 กก.ต่อไร่ วิธีการใช้
: โรยรองก้นหลุมพร้อมปลูก
ระยะที่ใช้ : ระยะแรก 20 25 วันอัตราการใช้ : 30 40 กก.ต่อไร่ วิธีการใช้ : โรยตามแนวข้าวโพด
ชนิดพืช : ส้ม มะนาว มะม่วง เงาะ ทุเรียน มังคุด ลำไย ลิ้นจี่ ลองกอง ฝรั่ง
ชมพู่ องุ่น ปาล์ม
ระยะที่ใช้ : มีผลแล้ว อัตราการใช้ : 3 5 กก.ต่อต้น /ครั้ง วิธีการใช้ : หว่านรอบทรงพุ่ม
ระยะที่ใช้ : ยังไม่มีผล อัตราการใช้ : 2 3 กก.ต่อต้น /ครั้ง วิธีการใช้ : หว่านรอบทรงพุ่ม
ชนิดพืช :ยางพารา
ระยะที่ใช้ : กรีดแล้วต้น ,ปลายฝน อัตราการใช้ : 1 2 กก.ต่อต้น
/ครั้ง วิธีการใช้ : โรยขนานแถว
ระยะที่ใช้ : ยางเล็ก ต้น,ปลายฝน อัตราการใช้ : 0.5 กก.ต่อต้น
/ครั้ง วิธีการใช้ : โรยขนานแถว
ชนิดพืช : อ้อย มัน สับปะรด
ระยะที่ใช้ : ใช้รองพื้นก่อนปลูก อัตราการใช้ : 50 100 กก.ต่อไร่ วิธีการใช้
: โรยในร่องแล้วกลบ
ระยะที่ใช้ : พืชอายุ 1 2 เดือนอัตราการใช้ : 50 100 กก.ต่อไร่ วิธีการใช้ : โรยข้างแถว
ชนิดพืช : พริก หอม กระเทียม แตง ถั่ว สตอเบอรี่
ระยะที่ใช้ : ใช้รองพื้นระยะให้ผล อัตราการใช้ : 50 100 กก.ต่อไร่ วิธีการใช้ : หว่านทั่วแปลง
ชนิดพืช : ผักทุกชนิด ยาสูบ
ระยะที่ใช้ : ใช้รองพื้น อัตราการใช้ : 50 100 กก.ต่อไร่ วิธีการใช้ : หว่านทั่วแปลง
เทคนิคการเพิ่มผลผลิตในนาข้าว
เทคนิคการเพิ่มผลผลิตในนาข้าว 1,500 กก.ต่อไร่
* หลังจากเมื่อข้าวอายุ25 30 วัน ( หว่านปุ๋ยรอบแรก ) หว่านปุ๋ยอินทรีย์เคมี 6
- 3 - 3 อัตรา 40 กก.ต่อไร่
ช่วยบำรุงต้น
ขยายกอ ทำให้ต้นแข็ง ใบตั้ง ต้านทานโรคแมลง และเมื่ออายุข้าวประมาณ 35 40 วัน
* เมื่ออายุข้าวได้60 65 วัน ( หว่านปุ๋ยรอบสอง ) หว่านปุ๋ยอินทรีย์เคมี 6
- 3 - 3 อัตรา 40 กก.ต่อไร่
ช่วยบำรุงต้นข้าว
ทำให้ต้นข้าวสมบูรณ์ ในช่วงข้าวตั้งท้องอ่อนๆควรใช้
* ในช่วงข้าวเริ่มออกรวงประปลาย(
หว่านรับรวง( หว่านปุ๋ยรอบสาม )) หว่านปุ๋ยอินทรีย์เคมี 6 - 3 - 3 อัตรา 20 กก.ต่อไร่
ช่วยบำรุงต้น
สะสมอาหารสร้างรวง
สรุปการใช้ปุ๋ยและฮอร์โมนพืชในนาข้าว
หว่านปุ๋ยอินทรีย์เคมี6 - 3 - 3 จำนวน 3 ครั้ง ดังนี้
ครั้งที่1 ช่วงข้าวอายุ25 30 วัน อัตรา 40 กก.ต่อไร่
ครั้งที่2 ช่วงข้าวอายุ60 65 วัน อัตรา 40 กก.ต่อไร่
ครั้งที่3 ช่วงข้าวเริ่มออกรวงประปลาย
อัตรา 20 กก.ต่อไร่
สรุปผลจากการใช้ในนาข้าว
1 ราก ทำให้รากยาว ขาวอวบ พืชหาอาหารได้ดีกว่า ทำให้เจริญเติบดตได้ดี
2 แตกกอดีช่วยเพิ่มการแตกกอ เพิ่มจำนวนต้น รวงที่มากขึ้น
ทำให้ผลผลิตเพิ่มขึ้น
3 เขียว ข้าวเขียวทนเขียวนานกว่าใช้ปุ๋ยเคมี ข้าวเริ่มเขียวพร้อมกัน เขียวเสมอกัน
4 ต้นเขียวใบตั้ง ลำต้นแข็งแรง ข้าวไม่ล้ม ช่วยต้านทานโรคและแมลงได้ดี
ช่วยลดค่ายาฆ่าแมลงลงได้
5 ข้าวรวงใหญ่
รวงยาว เมล็ดข้าวแกร่ง ไม่ลีบ น้ำหนักดี
ข้าวสุกแก่พร้อมกัน ไม่โดนตัดราคา
6 ขั้วเหนียว ข้าวไม่หลุดร่วงง่าย ลดการสูญเสียผลผลิต ทำให้ได้ผลผลิตที่เพิ่มมากขึ้น
7 ข้าวสุกก่อน เก็บเกี่ยวผลผลิตได้ก่อน ช่วยลดต้นทุนค่าสูบน้ำเข้านา
8 ช่วยปราบหอยเชอรี่ได้ ช่วยลดต้นทุนค่ายาปราบหอย
9 ดินเป็นหล่ม สภาพดินดี มีธาตุอาหารอุดมสมบูรณ์
ปุ๋ยมูลค้างคาวสามารถปลดปล่อยธาตุอาหารได้ดีกว่าและนานกว่าปุ๋ยเคมี
ทำให้ธาตุอาหารในดินมีมาก สังเกตจากใบธงเขียวยันวันเกี่ยว ช่วยปรับโครงสร้างดิน
ฟื้นฟูสภาพดิน ทำให้ดินดีขึ้น
เทคนิคการเพิ่มผลผลิตในไม้ผล
เทคนิคการเพิ่มผลผลิตในไม้ผลเช่น ส้ม ลิ้นจี่ ลำไย มะม่วง ทุเรียน เงาะ
เป็นต้น
*ระยะยังไม่มีผล
ควรใส่ปุ๋ยอินทรีย์เคมี 6 - 3 - 3 อัตรา 2 3 กก. /ต้น /ครั้ง
ช่วยให้ต้นสมบูรณ์
โตไว ใบใหญ่ ใบหนา ใบมัน
*ระยะมีผลแล้ว
ควรใส่ปุ๋ยอินทรีย์เคมี 6 - 3 - 3 อัตรา 3 4 กก. /ต้น /ครั้ง ช่วยเพิ่มความสมบูรณ์ของต้น ทำให้ใบใหญ่ ใบหนา ใบมัน
ติดดอกดก ติดผลดก ผลใหญ่ รสชาติดี น้ำหนักดี สีสวยสีเข้ม
เทคนิคการเพิ่มผลผลิตในยางพารา
*ในยางเล็กก่อนเปิดกรีด ( ใส่ปุ๋ยครั้งที่ 1 ช่วงต้นฝน ) ควรใส่ปุ๋ยอินทรีย์เคมี 6 - 3 - 3 อัตรา0.5 กก. /ต้น /ครั้ง
ช่วยเร่งต้น
ทำให้ยางโตไว ใบใหญ่ ใบหนา ใบมัน ต้นยางสมบูรณ์มาก แทงฉัตร 60 80 ต่อฉัตร
*ในยางเล็กก่อนเปิดกรีด ( ใส่ปุ๋ยครั้งที่ 2 ช่วงปลายฝน ) ควรใส่ปุ๋ยอินทรีย์เคมี 6 - 3 - 3 อัตรา0.5 กก. /ต้น /ครั้ง
ช่วยเร่งต้น
ทำให้ยางโตไว ใบใหญ่ ใบหนา ใบมัน ต้นยางสมบูรณ์มาก แทงฉัตร 60 80 ต่อฉัตร
*ในยางเปิดกรีด ( ใส่ปุ๋ยครั้งที่ 1 ช่วงต้นฝน ) ควรใส่ปุ๋ยอินทรีย์เคมี 6 - 3 3 อัตรา1 กก./ต้น/ครั้ง
ช่วยป้องกันโรครากเน่า
โคนเน่า ป้องกันยางหน้าตาย ช่วยขยายท่อน้ำยาง
ทำให้เปลือกยางนิ่ม
กรีดง่าย ปริมาณน้ำยางเพิ่มขึ้น เปอร์เซ็นน้ำยางสูง
*ในยางเปิดกรีด ( ใส่ปุ๋ยครั้งที่ 2 ปลายฝน ) ควรใส่ปุ๋ยอินทรีย์เคมี 6 - 3 3 อัตรา 1กก./ต้น/ครั้ง
ช่วยป้องกันโรครากเน่า
โคนเน่า ป้องกันยางหน้าตาย ช่วยขยายท่อน้ำยาง
ทำให้เปลือกยางนิ่ม
กรีดง่าย ปริมาณน้ำยางเพิ่มขึ้น เปอร์เซ็นน้ำยางสูง
* สินค้าตัวนี้คิดค่าจัดส่งตามน้ำหนักและระยะทาง
ถ้าสั่งครั้งละ 16 ตัน บริษัทจะจัดส่งให้ฟรี *
อัตราและวิธีการใช้
ชนิดพืช |
ระยะที่ใช้ |
อัตราการใช้ |
วิธีการใช้ |
นาข้าว |
ระยะแรก 15-30 วัน
ระยะหลัง 50-60 วัน |
40-80 กก.ต่อไร่
40-80 กก.ต่อไร่ |
หว่านทั่วแปลง |
ข้าวโพด |
ระยะพร้อมปลูก
ระยะ 20-25 วัน |
50-100 กก.ต่อไร่
30-40 กก.ต่อไร่ |
โรยรองก้นหลุมพร้อมปลูก
โรยตามแนวข้าวโพด |
ส้ม
มะนาว มะม่วงเงาะ ทุเรียน
มังคุด
ลำใย ลิ้นจี่ ลองกอง ฝรั่ง
ชมพู่
องุ่น ปาล์ม |
มีผลแล้ว
ยังไม่มีผล |
3-5 กก.ต่อต้น/ครั้ง
2-3 กก.ต่อต้น/ครั้ง |
หว่านรอบทรงพุ่ม
หว่านรอบทรงพุ่ม |
ยางพารา |
กรีดแล้วต้น,ปลายฝน
ยางเล็ก
ต้น,ปลายฝน |
1-2 กก.ต่อต้น/ครั้ง
0.5 กก.ต่อต้น/ครั้ง |
โรยขนานแถว
โรยขนานแถว |
อ้อย
มัน สับปะรด |
ใช้รองพื้นก่อนปลูก
พืชอายุ 1-2 เดือน |
50-100 กก.ต่อไร่
50-100 กก.ต่อไร่ |
โรยในร่องแล้วกลบ
โรยข้างแถว |
พริก
หอม กระเทียม แตง
ถั่ว
สตอเบอรี่ |
ใช้รองพื้นระยะให้ผล |
50-100 กก.ต่อไร่
50-100 กก.ต่อไร่ |
หว่านทั่วแปลง
หว่านทั่วแปลง |
ผักทุกชนิด
ยาสูบ |
ใช้รองพื้น |
50-100 กก.ต่อไร่ |
หว่านทั่วแปลง |
ข้อมูลเพิ่มเติม: ติดต่อ : ศิริกัญญาTel : 081-347-3584 http://www.shopsabuyjung.lnwshop.com
|