หัวข้อ : เปิดหมัดชก 2 ยักษ์ใหญ่ จีน-ญึ่ปุ่น บนแชท แพลตฟอร์ม
|
WeChat ผนึกกำลังร่วมกับสนุก ออนไลน์
ถือเป็นมวยถูกคู่ เพราะไม่เพียงแต่มีข้อพิพาทเรื่องชิงเกาะ แต่ตอนนี้ลามเข้ามาถึงตลาดแอปพลิเคชั่นแชทบนสมาร์ทโฟน ที่ขับเคี่ยวกันหนักระหว่าง 'WeChat' จากฝั่งประเทศมหาอำนาจทางเศรษฐกิจอย่างจีน และ 'Line' บริษัทจากแดนอาทิตย์อุทัยที่ต่างเล็งขยายบริการ 'แชท แพลตฟอร์ม' จับตลาดผู้ใช้งานทั่วโลก
มองไปในตลาดแชท แอปพลิเคชัน เมื่อ 2 ปีที่แล้วเชื่อว่าผู้นำในตลาดเวลานั้นคงหนีไม่พ้น BBM หรือแบล็กเบอร์รีแมสเซนเจอร์ ที่เข้ามาเขย่าวงการสมาร์ทโฟนในไทยพร้อมกับการมาของแบล็กเบอร์รี แต่เมื่อเวลาผ่านไปปริมาณสมาร์ทโฟนระบบปฏิบัติการอื่นในตลาดเพิ่มมากขึ้น Whatsapp ก็เริ่มได้รับความนิยมตามขึ้นมาจากการที่เป็นครอสแพลตฟอร์มแอปพลิเคชัน (ใช้งานได้หลายระบบปฏิบัติการ)
แต่ปัจจุบันเมื่อทั้ง ไอโฟน และแอนดรอยด์ กลายมาเป็น 2 ระบบปฏิบัติการหลักในตลาดสมาร์ทโฟน ทำให้ฟีเจอร์การใช้งานแชททั่วๆ ไป เริ่มไม่ตอบสนองพฤติกรรมการใช้งานของผู้บริโภคอีกต่อไป การมาของแชท แพลตฟอร์มอย่าง Line จึงเริ่มเข้ามาเติบโตในตลาดอย่างก้าวกระโดด จากความน่ารักในแง่ของการส่งต่อตัวการ์ตูน (Sticker) ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว
ประกอบกับฟีเจอร์ และฟังก์ชันที่เรียกได้ว่าถอดแบบมาจาก 2 แชท แอปพลิเคชันหลัก ทั้งการสนทนาแบบทันที (Instant Messenger) การสนทนาผ่านเสียงผ่านอินเทอร์เน็ต รวมกับการส่งผ่านข้อมูลทั้งรูปภาพ คลิปวิดีโอ คลิปเสียง แชร์พิกัดที่อยู่ และรายชื่อ พร้อมกับการสนทนาแบบกลุ่มที่สามารถเพิ่มจำนวนผู้ใช้งานได้มากกว่า 2 แอปดังกล่าว
ก่อนจะขยายมาสร้างการตลาดรูปแบบใหม่จากการจำหน่าย Sticker ร่วมกับแบรนด์ในระดับโลก และแบรนด์ในประเทศไทย ให้ผู้บริโภคได้กดดาวน์โหลด และส่งต่อกัน จนมาถึงการสร้าง Official Account เพื่อส่งข้อมูลข่าวสารจากแบรนด์สู่ผู้บริโภค และระบบไทม์ไลน์ ที่แสดงความเคลื่อนไหวแก่เพื่อนๆ ที่ใช้งานคลับคล้ายกับการใช้งานเป็นโซเชียลมีเดีย ภายใต้แพลตฟอร์มแชทที่ชื่อว่า Line นั่นเอง
จะเห็นได้ว่ารายได้หลักของ Line จะมาจาก 2 ส่วนหลักคือฝั่งของผู้บริโภคที่ซื้อสติกเกอร์ และจากฝั่งของแบรนด์สินค้า ที่มีค่าใช้จ่ายกรณีผลิตสติกเกอร์เข้าไปจำหน่าย หรือจำนวนการส่งข้อความผ่าน Official Account ต่างๆก็จะมีค่าใช้จ่ายเกิดขึ้น
ซึ่งจากจำนวนผู้ใช้งานล่าสุดที่บริษัท เนเวอร์ เจแปน คอร์ปอเรชัน ผู้ให้บริการ Line ประกาศออกมาอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 25 ต.ค.ที่ผ่านมาอยู่ที่ 70 ล้านรายทั่วโลก ส่งผลให้มีแบรนด์ระดับโลก และแบรนด์สินค้าไทยหลายรายเข้าร่วมใช้งาน เพื่อเป็นอีกช่องทางหนึ่งในการติดต่อกับกลุ่มผู้บริโภคที่ใช้งาน
ในขณะที่ทางฝั่งของ WeChat แม้ว่าจะเริ่มเข้ามาทดลองตลาดในประเทศไทยช่วง 2 - 3 เดือนที่ผ่านมา แต่จากการที่มีฐานลูกค้าหลักเป็นคนจีน และได้เปิดให้บริการในจีน รวมถึงทำตลาดในไต้หวัน และฮ่องกงมาก่อนแล้ว ส่งผลให้จำนวนผู้ใช้งานของ WeChat ในปัจจุบันทะลุ 200 ล้านคนไปเรียบร้อยแล้ว
โดยมีสถิติที่น่าสนใจคือสามารถเข้าถึงผู้ใช้งาน 100 ล้านคนได้ภายใน 433 วัน เริ่มจากการเปิดให้บริการเมื่อปลายเดือนม.ค. 2554 เหนือกว่าทวิตเตอร์ที่มีผู้ใช้งานครบ 100 ล้านคนใน 1,400 วัน และเฟซบุ๊กใช้เวลา 1,600 วันเพื่อให้ได้จำนวนผู้ใช้ดังกล่าว
ที่มา : ขอขอบคุณ หนังสือพิมพ์ผู้จัดการ
|
|
http://www.adisorn.biz
2012-11-20 20:00:06 110.168.10.***
stat :
287 posts ,
2 replys
|
