ฟรี ร้านค้า ออนไลน์ ads 44.220.59.236 : 29-03-24 15:15:14   
สมัครสมาชิกใช้งานติดต่อโฆษณาสินค้าแยกตามหมวดร้านค้าสมาชิกกระดานสนทนากระดานสนทนา
MeeMarket

  หมวดสินค้าของเรา            
  
 

Tag / คำค้น

  แสดงสินค้าทั้งหมด
มีอะไรอยู่ในตะกร้าบ้างแล้ว คลิ๊กเลย!!!
หน้าแรกของร้าน
ร้าน MeeMarket
กระดานถามตอบของร้าน
>> webboard ของร้าน >> หุ้น apple กับปรากฏการณ์ iPhone Fever

หัวข้อ : หุ้น apple กับปรากฏการณ์ iPhone Fever  
 
วันศุกร์ที่ผ่านมา iPhone 5 ก็จะเปิดจำหน่ายอย่างเป็นทางการวันแรก ใน 9 ประเทศ ซึ่งได้แก่ สหรัฐอเมริกา แคนาดา สหราชอาณาจักร ฝรั่งเศส เยอรมนี ออสเตรเลีย ญี่ปุ่น ฮ่องกง และสิงคโปร์ ฟังจากเสียตอบรับจากผู้ใช้ของ iPhone หลายคนชื่นชอบ และเห็นการพัฒนาที่ดีขึ้นชัดเจนจาก iPhone4s ล่าสุด โดยเฉพาะคุณสมบัติหน้าจอขนาดใหญ่ขึ้น 4 นิ้ว ,กล้องความละเอียด 8 ล้านพิกเซล, ซิปประมวลผลใหม่ และรองรับ iOS 6 คุณสมบัติเหล่านี้เพิ่มประสิทธิภาพการใช้งานของผู้ใช้ได้ดีขึ้น

ผมไม่ใช่สาวก iPhone แต่ก็นิยมชมชอบหุ้น Apple inc(AAPL) ในฐานะหุ้น Super Stock วันนี้เลยจะมานำเสนอเรื่องหุ้น Apple กับปรากฏการณ์ iPhone Fever ไปทั้งโลก โดยเฉพาะช่วงเวลาหลังการเปิดตัว iPhone5 ด้วยความนิยมที่ล้นหลามให้ฟัง

เริ่มต้นจากยอดจอง iPhone5 ใน 24 ชั่วโมงแรกที่มากถึง 2 ล้านเครื่องมากกว่า รุ่นก่อนหน้าที่ออกมาทำให้นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า iPhone5 จะขายได้มากถึง 26 ล้านเครื่องภายในไตรมาส 3 และมีแนวโน้มที่จะสามารถขายได้ถึง 60 ล้านเครื่องในปี 2012 นี้

โดยยอดขายที่นักวิเคราะห์ประเมินนี้จะทำเงินให้แอปเปิ้ลถึง 3.62 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ นับว่าเป็นความสำเร็จที่ไม่ธรรมดาเลยทีเดียว และยังไม่นับรวมโปรดักซ์อื่นๆที่จะออกมา ในปีนี้ เช่น Ipad เวอร์ชั่นใหม่ และที่คาดหมายกันว่าจะมี Apple TV (ผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับทีวีและภาพยนต์) คิดเล่นๆปัจจุบัน Q2/2012 ก่อนเปิดตัว iPhone5 บริษัท Apple มีส่วนแบ่งการตลาดสมาร์ทโฟน 17% (ยังตามหลัง Samsung อยู่) ซึ่งแน่นอนว่าถ้ายอดขาย iPhone5 ออกมาตามคาดการณ์ Apple ย่อมสามารถแย่งส่วนแบ่งการตลาดได้มากขึ้นอีก ยังไม่นับรวมกรณีที่ชนะคดีสิทธิบัตรจาก Samsung ทำให้ราคาหุ้น Apple วิ่งกระฉูดแบบฉุดไม่อยู่





ถ้ามองไปที่รายได้ของบริษัทแค่ ในช่วง Q2/2012 บริษัท Apple inc มีรายได้จากการขายสูงกว่า 1.62 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ มากกว่ารายได้รวม 2ไตรมาสของ Google และ Microsoft เสียอีก ยิ่งถ้าเทียบกันที่มูลค่าของกิจการ ปัจจุบันหุ้นของ apple ทะลุจุดสูงสุดไปอยู่ระดับ 700 เหรียญต่อหุ้น(ปัจจุบันทดสอบ 702 แล้ว) ทำให้มีมูลค่าสูงที่สุดในโลก มากกว่าบริษัทยักษ์ใหญ่อื่นๆในตลาดหุ้นอเมริกา

พิจารณาระดับราคาหุ้นยิ่งจะพบว่าราคาหุ้น apple ปัจจุบันหลังเปิดตัว iPhone5 นั้นทำจุดสูงสุดที่ระดับ 702 ซึ่งเป็น all time high เลยทีเดียว เรียกว่านักลงทุนต่างแช่มชื่นไปตามๆกัน เพราะผลิตภัณฑ์บริษัทขายดี กระแสเงินสดมาก ปันผลก็ย่อมมากตามไปด้วย หรือถ้าจะเป็นนักเก็งกำไร ยิ่ง happy เพราะหุ้นเติบโตแนวโน้มขาขึ้น bullish แข็งแกร่ง แต่เทียบกับไปตอนช่วง เดือน กันยายนปี 2011 ถึงปัจจุบัน ราคาหุ้นของ apple เพิ่มสูงขึ้นถึง 47.76% นับได้ว่า iPhone เป็นผลิตภัณฑ์ที่ออกมาแล้วประสบความสำเร็จ ถูกที่ถูกเวลาพาหุ้น Apple ทะยานแม้จะเกิดวิกฤตหนี้ซับไพร์มในสหรัฐ หรือปัญหาเศรษฐกิจที่ย่ำแย่ในอเมริกาและยุโรป แต่ก็ไม่มีปัญหาสำหรับยอดขายของ iPhone





นักวิเคราะห์ฝรั่งต่างประสานเสียงเชียร์ ทำนายอนาคตหุ้นว่า apple สามารถไปถึง 800-900 เหรียญได้ในปี 2012 กันเลยทีเดียว (บางคนที่เชียร์มันก็กลุ่มเดียวกับที่เชียร์ หุ้น facebook นั้นแหละ) แน่นอนว่าบางคนก็ออกมาเตือนถึงสัญญาณฟองสบู่ในราคาหุ้น Apple เช่นกัน ของแบบนี้ไม่อาจจะคาดเดา ทางทีดีก็ต้องสังเกตและไม่ประมาทกันไป ถ้าเชื่อกูรูอย่างเดียว โดยไม่ใช่ปัญญาคิดพิจารณาดีๆ ถ้าเกิดหมดรอบ ฟองสบู่แตก ก็อาจจะขาดทุน ติดดอยหรือหมดตัวแบบกรณี Ipo ของ Facebook ก็เป็นได้





แต่ถ้ามองผลงานที่ผ่านมา ผมว่าต้องยกเครดิตให้ สตีพ จ๊อป และทีมงานไปเต็มๆ แม้ตัว CEO ผู้นี้จะลาจากโลกไปแล้วแต่ถ้าไม่มีเขา บริษัท apple ก็คงไม่มีวันนี้ กรณีของหุ้น apple inc. สอนให้เรารู้ว่าบริษัทจะเติบโตได้ ต้องมีของดี ทั้งผู้บริหาร และสินค้าหรือบริการ ที่สร้างกระแสเงินสด สร้างรายได้ให้บริษัทได้ต่อเนื่อง ที่สำคัญถ้าเป็นกระแส ได้รับการยอมรับในแบรนด์ของสินค้าจากผู้ใช้ โอกาสที่จะสำเร็จก็มีสูงไปอีก

ดังนั้นไม่ว่าเราจะเป็นนักลงทุนระยะยาวซื้อหุ้นกินปันผล หรือนักเก็งกำไรเล่นหุ้นรายรอบเน้นส่วนต่างราคา การเข้าใจและรู้จักบริษัท เข้าใจผลิตภัณฑ์และบริการของบริษัทนั้นๆจึงเป็นสิ่งสำคัญ ควรต้องมองโมเดลธุรกิจของบริษัทให้ออก อาจจะไม่ต้องแตกฉานแต่ต้องรู้ว่า สินค้าและบริการนั้นคืออะไร อะไรคือตัวหลักในการสร้างกระแสเงินสดให้กิจการ, มีโอกาสมากแค่ไหนที่สินค้าจะขายดีติดตลาด ก่อนจะคิดลงทุน ถ้าเป็นสินค้าบริการที่จับต้องได้ ใช้ได้ในชีวิตประจำวัน เราก็ควรทดลองใช้ ทดลองศึกษาผลิตภัณฑ์และตลาดสินค้านั้นๆ เพราะยิ่งเราเข้าใจมาก เห็นถึงข้อเด่น จุดแข็งของสินค้าได้ ก็จะทำให้เราประเมินการเติบโตของกิจการได้ เมื่อยอดขายสินค้าดี มีกำไรมาก ราคาหุ้นมันก็สะท้อนแนวโน้มขาขึ้นอย่างแข็งแกร่ง มีคุณภาพดี โอกาสที่เราเข้าไปลงทุนหรือเก็งกำไร แล้วชนะก็จะมีสูงครับ



ที่มา : ขอขอบคุณ หนังสือพิมพ์ผู้จัดการ  

http://www.adisorn.biz


2012-09-25 02:34:55 125.25.47.**
stat : 287 posts , 2 replys
 

คำตอบ
 
ข้อความ
รูปแบบพิเศษ ย่อหน้า ตัวหนา ตัวยก ตัวห้อย ตัวหนังสือเรืองแสง ตัวหนังสือมีเงา ตัวเอียง เส้นใต้ สีแดง สีเขียว สีน้ำเงิน สีส้ม สีชมพู สีเทา แทรกรูปจาก internet แทรกไฟล์ youtub vdo
Emotions
ชื่อ
email
ซ่อน E-Mail
.
สมัครสมาชิก Click ที่นี่ | เข้าสู่ระบบ Click ที่นี่




User :
Pass :
ลืมรหัสผ่าน

 
 
 
© Copyright 2010 WWW.MEEMARKET.COM All Rights Reserved.