ฟรี ร้านค้า ออนไลน์ ads 3.138.204.208 : 26-04-24 21:13:55   
สมัครสมาชิกใช้งานติดต่อโฆษณาสินค้าแยกตามหมวดร้านค้าสมาชิกกระดานสนทนากระดานสนทนา
MeeMarket

  หมวดสินค้าของเรา            
  
 

Tag / คำค้น

  แสดงสินค้าทั้งหมด
มีอะไรอยู่ในตะกร้าบ้างแล้ว คลิ๊กเลย!!!
หน้าแรกของร้าน
ร้าน MeeMarket
กระดานถามตอบของร้าน
>> webboard ของร้าน >> 7 เทรนด์สุดฮอต เพื่อสุขภาพดี

หัวข้อ : 7 เทรนด์สุดฮอต เพื่อสุขภาพดี  
 
สุขภาพดีแบบไม่ตกเทรนด์ นี่คือการออกกำลังและดูแลสุขภาพที่กำลังแพร่หลาย เพราะฉะนั้นไม่ลองคงไม่ได้แล้ว

สาว ๆ สมัยนี้หันมาใส่ใจสุขภาพและการออกกำลังกายกันมาก เพราะนอกจากจะช่วยสลายไขมันจอมกวนใจแล้ว ยังช่วยให้ห่างไกลโรคภัยไข้เจ็บอีกด้วย ฉะนั้นถ้าคุณกำลังคิดจะตามเทรนด์สาวยุคใหม่ใส่ใจสุขภาพกับเขาบ้าง นี่คือการออกกำลังและดูแลสุขภาพ 7 อย่าง ซึ่งกำลังมาแรงในคนรุ่นใหม่บางอย่างเป็นของที่มีมานานนับพันปี แต่เพิ่งมาได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายในตอนนี้ บางอย่างก็เป็นของใหม่เอี่ยมที่เพิ่งถูกคิดค้นขึ้นมา แต่การที่การออกกำลังกายและดูแลสุขภาพแต่ละอย่าง ก้าวขึ้นมาสู่ความนิยมได้นั้น ก็บอกได้ว่ามันมีดีพอที่จะทำให้คนหันมากระตืนรือร้นได้ขนาดนี้ เรามีข้อมูลที่ควรรู้มาบอกค่ะ

การออกกำลังสุดฮอต

1. โยคะร้อน

กำลังเป็นที่พูดถึงไปทั่วบ้านทั่วเมือง โดยเฉพาะในหมู่ดาราและคนดัง การออกกำลังกายที่ว่ากันว่ากำลังมาแรงอย่างมากในสหรัฐฯ จึงมาแรงไม่แพ้กันในเมืองไทย

นี่เป็นการออกกำลังกายด้วยท่าโยคะ 26 ท่าต่อเนื่องกัน ภายในห้องที่มีอุณหภูมิสูงถึง37 องศาเซลเซียส เป็นเวลา 90 นาที ซึ่งได้คิดค้นขึ้นโดย บิดครัม เชาดูรี ผู้เชี่ยวชาญด้านหฐโยคะชาวอินเดีย (จึงมีชื่อเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า Bikram Yoga) เป็นการออกกำลังกายที่ผสมผสานระหว่างความแข็งแกร่ง ความสมดุลสมาธิ และการกำหนดลมหายใจ สร้างความยืดหยุ่นและความแข็งแรงให้กล้ามเนื้อ เส้นเอ็นและข้อต่อต่าง ๆ ในร่างกาย กระตุ้นระบบการทำงานของอวัยวะทุกส่วน ทำให้ออกซิเจนในเลือดไหลเวียนไปหล่อเลี้ยงทั่วร่างกาย และเพิ่มภูมิต้านทานโรค สาว ๆ ที่อยากหุ่นงามคงถูกใจโยคะร้อนเป็นแน่ เพราะช่วยลดน้ำหนักได้ดี (สามารถเผาผลาญพลังงานได้ราว 350-600 แคลอรีต่อครั้ง) และยังช่วยล้างพิษต่าง ๆ ออกจากร่างกาย ช่วยป้องกันการบาดเจ็บช่วยให้มีสมาธิ และลดความเครียดด้วย

2. ชี่กง

ศาสตร์โบราณของจีนที่กลับมาเป็นที่นิยมอีกครั้ง ด้วยจุดเด่นในการสร้างความสมดุลแก่ร่างกาย ทำให้จิตใจสงบ เกิดสมาธิ สมองปลอดโปร่ง จึงลดความดันโลหิต ลดการทำงานของหัวใจ ทำให้ภูมิคุ้มกันแข็งแรง กระดูกและกล้ามเนื้อแข็งแรง

ชี่กงเป็นการออกกำลังตามหลักการแพทย์จีน ที่ให้ความสำคัญในเรื่องพลังงานหรือพลังชิ (Chi) ในร่างกาย ซึ่งเชื่อว่าถ้าการไหลเวียนของพลังชิในร่างกายติดขัด คนเราก็จะเกิดปัญหาสุขภาพตามมา การฝึกชี่กงจะเป็นการเพิ่มพูนพลังชิในร่างกาย สร้างความสมดุลและเพิ่มการไหลเวียนของพลังชิในร่างกาย ให้ไปหล่อเลี้ยงอวัยวะต่าง ๆ ทั่วร่างกาย

3. บอดี้ คอมแบต

ถึงแม้สาว ๆ บางคนจะไม่ชอบความรุนแรง แต่ถ้าได้ออกกำลังแบบก๋ากั่นบ้างก็อาจทำให้รู้สึกสนุกสนานได้เหมือนกัน อย่างเช่น การออกกำลังแบบ บอดี้ คอมแบต ซึ่งเป็นเทรนด์การออกกำลังที่นำเอาศิลปะการต่อสู้ป้องกันตัวหลาย ๆ อย่างมาผสมผสานเข้าด้วยกันหรือที่เรียกว่า บอดี้ คอมแบต (Body Combat) ซึ่งกำลังเป็นที่นิยมในหมู่สาว ๆ ที่รักการออกกำลังกายเป็นชีวิตจิตใจ

โดยบอดี้ คอมแบตเป็นการออกกำลังกายที่ผสมผสานกันระหว่างเสียงเพลงจังหวะสนุก ๆ กับท่าทางการต่อสู้แบบตะวันออก อย่างเช่น มวยไทย ไทชิ เทควันโด ยูโด และคาราเต้ ออกมาเป็นการออกกำลังกายที่สนุกสนานเร้าใจให้ฮึกเหิม และได้ปลดปล่อยพลังอย่างเต็มที่ แถมยังได้บริหารกล้ามเนื้อทั่วร่างกายช่วยบริหารข้อต่อต่าง ๆ ให้คล่องตัว บริหารการหายใจ ปอด และกล้ามเนื้อหัวใจ ช่วยให้ร่างกายกระฉับกระเฉง กระปรี้กระเปร่า สดชื่น อารมณ์ดี ปลอดโปร่ง และยังช่วยเผาผลาญพลังงานอย่างดีเลิศอีกด้วย อยากหุ่นงามและสุขภาพดี ก็ไม่ควร เมินการออกกำลังที่สารพัดข้อดีอย่างนี้

4. ฟิตบอล

เป็นการออกกำลังที่ผสมผสานความแข็งแรงกับความอ่อนตัวเข้าด้วยกัน โดยมีลูกบอลขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 55-75 ซม. หรือฟิตบอล (Fit Ball) เป็นอุปกรณ์หลักในการออกกำลังกาย ซึ่งแรกเริ่มได้รับการออกแบบมาเพื่อใช้ในผู้ป่วยกายภาพบำบัด เพื่อช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นและการทรงตัวของร่างกาย ต่อมาจึงมีการนำมาใช้ในการบริหารร่างกายในรูปแบบต่าง ๆ การต้องทรงตัวบนลูกบอลทำให้ต้องใช้ทั้งพละกำลัง ความยืดหยุ่น และการสร้างความสมดุล แต่ควรเรียน กับผู้สอนที่มีความชำนาญ เพื่อการเล่นที่ถูกต้องและปลอดภัย

การเล่นฟิตบอลจะช่วยให้กล้ามเนื้อแข็งแรง เพิ่มความยืดหยุ่นของร่างกาย ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการประสานงานของระบบประสาท ช่วยฝึกการทรงตัวของร่างกาย ใช้ฝึกความแข็งแรงของกล้ามเนื้อเฉพาะส่วน เช่น กล้ามเนื้อหน้าท้อง กล้ามเนื้อด้านข้างลำตัว แขนและขา ลดการบาดเจ็บที่อาจเกิดขึ้นได้จาก การบริหารร่างกายตามปกติ

5. การฝังเข็ม

อีกศาสตร์หนึ่งจากยุคโบราณที่ถูกนำมาใช้อย่างกว้างขวางในปัจจุบัน ทั้งเพื่อการรักษาโรคและเพื่อการดูแลสุขภาพ การฝังเข็มคือการแทงเข็มผ่านเข้าไปตามจุดต่าง ๆ ของร่างกาย ซึ่งเกี่ยวเนื่องกับพลังชิ

ตามทฤษฎีแพทย์แผนจีนเชื่อว่า การฝังเข็มจะช่วยให้ระบบลมปราณหมุนเวียนดีขึ้น และช่วยปรับสมดุลของร่างกาย และมีการหลั่งสารเอนดอร์ฟินซึ่งช่วยระงับอาการปวดได้ และมีสารบางอย่างที่ไปช่วยลดอาการอักเสบได้ด้วย ทั้งยังเพิ่มการไหลเวียนของเลือดที่ไปเลี้ยงบริเวณที่มีอาการอักเสบนั้น ๆ ด้วย

การฝังเข็มรักษาโรคได้หลากหลาย เช่นอาการปวดต่าง ๆ ตามร่างกาย ปวดศีรษะ โรคภูมิแพ้ ฯลฯ และถ้ามีการฝังเข็มร่วมกับการฟื้นฟูสมรรถภาพ จะ ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการช่วยเหลือตนเองของผู้ป่วยได้ดีขึ้น กว่าการฟื้นฟูสมรรถภาพเพียงอย่างเดียว

ข้อห้ามก็คือ ในสตรีที่ตั้งครรภ์ โรคมะเร็ง (ที่ยังไม่ได้รับการรักษา) โรคหลอดเลือดที่มีการผิดปกติของระบบแข็งตัวของเลือด โรคที่ต้องรักษาด้วยการ ผ่าตัดอย่างแน่นอน โรคที่ยังไม่ทราบผลการวิจัยที่แน่นอน

ก่อนฝังเข็ม ควรอาบน้ำให้สะอาดและรับประทานอาหารตามปกติ เพราะถ้าฝังเข็มช่วงที่อ่อนเพลียหรือหิวอาจเป็นลมได้ง่าย ควรพักผ่อนนอนหลับอย่างเพียงพอ ในขณะฝังเข็มหากมีอาการปวด หรือหน้ามืดเป็นลม ต้องรีบแจังให้แพทย์ทราบทันที ปัจจุบันมีโรงพยาบาลหลายแห่งที่ให้บริการฝังเข็ม เช่น รพ.หัวเฉียว รพ.เซนต์หลุยส์ รพ.ปิยะเวท เป็นต้น

6. การล้างพิษ

การล้างพิษ (Detoxifying) มีหลายรูปแบบซึ่งกำลังได้รับความนิยมในหมู่ ผู้รักสุขภาพ แม้วงการแพทย์จะยังมองว่าไม่จำเป็น เนื่องจากร่างกายมีระบบกำจัดของเสียที่มีประสิทธิภาพและการล้างพิษอาจไปรบกวนระบบเหล่านั้นให้เสียสมดุล ดังจะพบว่า ผู้ที่ล้างพิษด้วยวิธีสวนทวารอาจประสบปัญหาท้องผูกหรือท้องอืดได้ตั้งแต่ 2-7 วัน

อย่างไรก็ตาม ผู้ที่มีประสบการณ์ในการล้างพิษจำนวนไม่น้อย ต่างก็ยืนยันถึงความรู้สึกสดชื่น เหมือนได้ชาร์จพลังให้กับร่างกายที่อ่อนล้า เนื่องจากการล้างพิษเป็นการทำความสะอาดร่างกายจากของเสียสะสมอย่างรวดเร็ว ทำให้รู้สึกสดชื่น ผิวพรรณเปล่งปลั่ง ทั้งเพิ่มภูมิต้านทานในทางอ้อม การล้างพิษที่ทำกันทั่วไปมีหลายรูปแบบ หากที่ได้รับความนิยมได้แก่

การอดอาหาร จะเริ่มด้วยการดื่มแต่น้ำบริสุทธิ์ 1 วัน (อย่างต่ำวันละ 6-8 แก้ว) ตามด้วยการทานแต่ผักสด ผักนึ่ง ผลไม้ และน้ำแร่ 2-10 วัน ระหว่างนี้ควรฝึกหายใจลึก ๆ หรือทำสมาธิเพื่อบรรเทาผลข้างเคียงจากการอดอาหาร วิธีนี้เป็นการล้างระบบย่อยอาหารเชื่อว่า จะช่วยบรรเทาภาวะอักเสบภายในได้

การสวนทวารด้วยของเหลว อาจเป็นน้ำบริสุทธิ์เกรดที่ใช้ผสมยา น้ำเกลือแร่ กาแฟ น้ำผสมแอปเปิ้ลไซเดอร์ และอื่น ๆ เป็นการล้างลำไส้ส่วนล่างและตับ แนะนำสำหรับผู้ที่มีปัญหาลำไส้และท้องผูก ผู้มีอาการแพ้ข้าวสาลีและยีสต์ก็จะดีขึ้น หลังดีท็อกซ์ด้วยการสวนทวาร หากทำเองก็มีข้อควรระวังว่า อย่าแทงสวนแรง ๆ โดยเฉพาะผู้ที่เป็นริดสีดวงทวารเพราะอาจทำให้เลือดออกได้ ควรทาเจลหล่อลื่นที่ปลายสายยางเสียก่อน

อบไอน้ำ จัดเป็นวิธีทำความสะอาดปอด จะมีการหยดสารประกอบเบน โซอีนซึ่งถือว่าดีกับปอดในเครื่องพ่นไอน้ำ ช่วยให้ปอดโล่งลดภาวะเสียงแหบ สปาบางแห่งยังผสมกลิ่นสมุนไพรอื่น ๆ มากับเครื่องพ่นไอน้ำ แนะนำสำหรับผู้มีปัญหาไซนัส หายใจไม่สะดวก หลอดลมอักเสบ หากได้อบได้น้ำจะช่วยให้หายใจได้โล่งขึ้น

นวดกดจุดน้ำเหลือง ร่างกายอาศัยระบบน้ำเหลืองช่วยกำจัดของเสียออกจากเซลล์ต่าง ๆ ขณะที่ระบบหมุนเวียนโลหิตมีหัวใจช่วยในการทำงาน แต่ระบบน้ำเหลืองต้องอาศัยการเคลื่อนไหวของกล้ามเนื้อ ช่วยกระตุ้นการทำงาน การนวดกดจุดน้ำเหลืองจะช่วยกระตุ้นให้ระบบนี้ทำงานเต็มประสิทธิภาพยิ่งขึ้น

การขัดผิวและอบเซาน่า ช่วยให้ระบบกำจัดของเสียทางผิวและเหงื่อเป็นอย่างรวดเร็ว ช่วยให้เลือดไหลเวียนดีทั่วร่างกาย

7. วิตามินบำบัด

ผู้คนนิยมกินวิตามินและแร่ธาตุสำเร็จรูปเพื่อชะลอความชรา ป้องกันโรค และรักษาโรคมากขึ้น ผลการวิจัยใหม่ ๆ ก็ดูจะยิ่งส่งเสริมการทานวิตามินสำเร็จรูป วงการวิทยาศาสตร์ยังเริ่มสนใจที่จะใช้วิตามินและแร่ธาตุเสริมการบำบัดโรคควบคู่กับการใช้ยาอีกด้วย

สมาคมหัวใจแห่งอเมริกา (The American Heart Association) แนะนำให้ทานปลาที่อุดมด้วยน้ำมันปลาอย่างน้อยสัปดาห์ละ 2 ครั้ง เพื่อป้องกันโรคหัวใจมีการสั่ง EPA และ DHA ในรูปน้ำมันปลาเสริมอาหารแก่ผู้ที่มีปัญหาระบบหัวใจทานวันละ 1 กรัม EPA และ DHA ยังเอื้อประโยชน์ต่อผู้มีปัญหาด้านสุขภาพจิตและระบบประสาท ทั้งอัลไซเมอร์ โรคซึมเศร้า โรคจิตเภท หรือภาวะบุคลิกภาพแปรปรวน เนื่องจากสมองมีไขมันเป็นองค์ประกอบ 60% สมองที่ได้รับ EPA และ DHA จะเสริมสร้างช่องเชื่อมต่อเซลล์ประสาทได้มากขึ้น

ที่น่าสนใจก็คือ วิตามินและแร่ธาตุกำลังถูกมองเป็นโอกาสในการรักษา และป้องกันโรคมะเร็ง เช่น จากการศึกษาวิจัยในสหรัฐฯ ครั้งหนึ่งพบว่า ผู้คนทางภาคใต้ของสหรัฐฯ จะมีโอกาสเป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่เพียงครึ่งเดียวของผู้คนทางแถบเหนือ นักวิทยาศาสตร์จึงพุ่งประเด็นไปที่การได้รับแสงแดดของผู้คนทางใต้ ส่งผลให้ผิวสามารถสังเคราะห์วิตามินดีอย่างพอเพียง ซึ่งน่าจะมีบทบาทสัมพันธ์ กับการลดความเสี่ยงต่อมะเร็งทรวงอก รังไข่ และต่อมลูกหมากอีกด้วย ผู้ที่มีระดับวิตามินดีต่ำมีโอกาสเป็นโรคเกี่ยวกับภูมิคุ้มกันต่ำ รวมเบาหวานชนิดที่ 1 วิตามินดี มีส่วนช่วยปรับสมดุลของระบบภูมิคุ้มกันในร่างกาย และช่วยไม่ให้เซลล์กลายเป็นเซลล์ร้าย จนถึงกับมีคำแนะนำว่า การทานวิตามินดี 1,000 ยูนิคต่อวัน น่าจะลดความเสี่ยงต่อมะเร็งลำไส้ใหญ่ลงครึ่งหนึ่ง ลดความเสี่ยงต่อมะเร็งทรวงอกและรังไข่ได้ราว 25%

และในอนาคต ผู้ป่วยเบาหวานอาจได้รับการสั่งจ่ายธาตุอาหารโครเมียม เนื่องจากโครเมียมน่าจะช่วยเพิ่มความไวของเซลล์ต่ออินซูลินในผู้ป่วยเบาหวาน หรือผู้มีความเสี่ยงสูงกับโรคนี้ ริชาร์ด แอนเดอร์สัน แห่ง The USD's Human Nutrition Research Center ในรัฐแมรีแลนด์พบว่า เมื่อผู้ป่วยเบาหวานได้รับโครเมียม จะสามารถควบคุมระดับกลูโคสได้ดีขึ้นโดยใช้อินซูลินที่น้อยลง

เทรนด์การดูแลสุขภาพกำลังมุ่งไปที่การใช้สารอาหารช่วยรักษา และป้องกันโรค แต่การได้รับสารอาหารในผลิตภัณฑ์เสริมอาจเกิดความเสี่ยง สารอาหารหลายตัวสามารถสะสมในเซลล์ไขมัน และก่อพิษต่อร่างกาย ในสารอาหารบางตัว เช่น โพแทสเซียม ผู้ที่มีปัญหาไตควรระวัง และวิตามินกับแร่ธาตุแต่ละตัว มีบทบาทต่อร่างกายค่อนข้างซับซ้อน และสัมพันธ์ซึ่งกันและกัน การขาดหรือได้รับตัวใดตัวหนึ่งมากไป ล้วนอาจมีผลต่อปฏิกิริยาเคมีที่ซับซ้อนของร่างกาย การรักษาสุขภาพด้วยการกินวิตามินจึงควรปรึกษาแพทย์ก่อนเสมอ

Tip

องค์กรพิทักษ์ผู้อุปโภคบริโภคในยุโรป เตือนผู้ที่ชอบกินวิตามินเสริมว่า คนเราสามารถกินผักและผลไม้สดได้มากเท่าที่ต้องการ แต่การกินวิตามินเสริม ทุกวัน อาจทำให้ร่างกายได้รับวิตามินบางชนิดมากเกินความจำเป็น จนเป็นอันตรายต่อสุขภาพ

ที่มา กระปุก.คอม  

แสนดีเจริญรุ่งเรือง


2011-04-08 08:00:01 183.89.162.***
stat : 690 posts , 0 replys
 

คำตอบ
 
ข้อความ
รูปแบบพิเศษ ย่อหน้า ตัวหนา ตัวยก ตัวห้อย ตัวหนังสือเรืองแสง ตัวหนังสือมีเงา ตัวเอียง เส้นใต้ สีแดง สีเขียว สีน้ำเงิน สีส้ม สีชมพู สีเทา แทรกรูปจาก internet แทรกไฟล์ youtub vdo
Emotions
ชื่อ
email
ซ่อน E-Mail
.
สมัครสมาชิก Click ที่นี่ | เข้าสู่ระบบ Click ที่นี่




User :
Pass :
ลืมรหัสผ่าน

 
 
 
© Copyright 2010 WWW.MEEMARKET.COM All Rights Reserved.