ฟรี ร้านค้า ออนไลน์ ads 3.144.172.115 : 24-04-24 13:55:01   
สมัครสมาชิกใช้งานติดต่อโฆษณาสินค้าแยกตามหมวดร้านค้าสมาชิกกระดานสนทนากระดานสนทนา
MeeMarket

  หมวดสินค้าของเรา            
  
 

Tag / คำค้น

  แสดงสินค้าทั้งหมด
มีอะไรอยู่ในตะกร้าบ้างแล้ว คลิ๊กเลย!!!
หน้าแรกของร้าน
ร้าน MeeMarket
กระดานถามตอบของร้าน
>> webboard ของร้าน >> เที่ยวปักกิ่ง เมืองสถาปัตยกรรมโบราณจีน

หัวข้อ : เที่ยวปักกิ่ง เมืองสถาปัตยกรรมโบราณจีน  
 
เมืองที่สถาปัตยกรรมโบราณ ยืนเบียดเคียงบ่าเคียงไหล่กับสถาปัตยกรรมสุดล้ำของยุคใหม่ และไปไหน ๆ ก็เต็มไปด้วยคน...คน...และคน

หลังจากได้เป็นเจ้าภาพกีฬาโอลิมปิกฤดูร้อนเมื่อปี 2008 หรือเมื่อสอง ปีที่แล้ว ชื่อเสียงของ ปักกิ่ง เมืองหลวงของสาธารณรัฐประชาชนจีน ก็กลายเป็นเมืองที่แทบจะขึ้นมาเทียบชื่อชั้นของมหานครใหญ่หลายแห่งในโลกได้อย่างไม่น้อยหน้าใคร ใครที่เคยมาปักกิ่งก่อนจะมีการจัดแข่งขันกีฬาโอลิมปิก ควรต้องกลับมาใหม่อีกสักครั้ง เพื่อเทียบดูว่าเดี๋ยวนี้ปักกิ่งพัฒนาไปถึงไหนกันแล้ว

เที่ยวปักกิ่ง เมืองสถาปัตยกรรมโบราณจีน

อย่างน้อยก็ยังพอหาห้องน้ำที่ทันสมัยกว่าเดิม และไม่เหม็นเท่าเดิมได้ และบ้านเมืองที่ดูสะอาดสะอ้านกว่าเดิมหลายขุม

ทุกอย่างล้วนดูราวกับถูกเนรมิตขึ้นมาอย่างไร อย่างนั้นทีเดียวเชียว

ใหม่เคียงเก่า

แต่ที่ไม่เคยเปลี่ยน เห็นจะเป็นผู้คนที่มากมายจนต้องใช้คำว่า ยั้วะเยี้ยะ ไปหมดตามสถานที่ต่าง ๆ ใครไปเมืองจีนเข้าสักทีก็คงเลิกแปลกใจแล้วว่า ทำไมคนจีนถึงทำตัวไม่แคร์ใคร เพราะแค่อาศัยคนจีนอย่างเดียวกำลังการบริโภคในมือก็มีอยู่เหลือเฟือ แถมคนอื่นต่างหากที่ต้องหันมาง้อประชากรที่มากมายมหาศาลของเมืองจีน ที่กำลังมีกำลังซื้อเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ตามเศรษฐกิจที่กำลังร้อนแรง

จีนทุกวันนี้ จึงเป็นจีนที่แสนจะทันสมัย ถ้าไม่นับว่ามีรัฐบาลที่บอกซ้ายหันขวาหันกับประชาชนได้ตามชอบใจเหมือนเดิมไม่มีเปลี่ยนแปลง จีนก็แทบจะไม่ต่างจากเมืองใหญ่หลายแห่งในโลกเสรี

ปักกิ่ง...ที่เป็นเมืองหลวงของจีนก็ถูกปรับโฉมเสียจนสวยงามน่าดู สมกับเป็นเมืองหลวง และเมืองใหญ่อันดับสองรองจากเซี่ยงไฮ้ ซึ่งถ้าเซี่ยงไฮ้เป็นศูนย์กลางทางธุรกิจและการค้า ปักกิ่งก็เป็นศูนย์กลางทางการปกครอง การศึกษา และศิลปวัฒนธรรมของจีน เป็นเมืองที่รุ่มรวยด้วยสถานที่ทางประวัติศาสตร์มากมาย เคียงข้างไปกับสถาปัตยกรรมยุคใหม่ที่ผุดขึ้นมามากขึ้นเรื่อย ๆ หลายตึกได้รับการออกแบบอย่างสุดล้ำ เหมือนจะอวดกันว่า ไม่ว่าจะของเก่าหรือของใหม่ จีนก็สามารถสร้างความน่าตื่นตาตื่นใจได้ไม่แพ้ใครในโลก

สวัสดี...เทียนอันเหมิน

แต่ถ้าเป็นของเก่าแล้ว จีนคงต้องนับว่าไม่เป็นสองรองใคร ด้วยความเป็นประเทศเก่าแก่ที่มีประวัติศาสตร์ยาวนาน รวมทั้งมีความเข้มแข็งทั้งทางการเมืองและเศรษฐกิจ ศิลปวัฒนธรรมของจีน จึงได้กลายมาเป็นต้นแบบให้แก่ศิลปวัฒนธรรมของหลายประเทศในย่านเอเชียด้วยกัน

และกลิ่นอายของอดีตอันรุ่งเรืองก็หอมอวลอยู่ทั่วปักกิ่ง สถานที่ท่องเที่ยวที่พลาดไม่ได้ของปักกิ่งล้วนแต่เป็นสถานที่แห่งประวัติศาสตร์อันยาวนาน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง พระราชวังต้องห้าม ซึ่งเป็นที่รู้จักกันดี

แต่ก่อนจะย่างก้าวเข้าไปสัมผัสกับรอยเวลาที่พระราชวังต้องห้าม อย่าลืมแวะผ่านไปทักทายกับจตุรัสใหญ่ยักษ์กลางเมืองปักกิ่งกันก่อน ชื่อของ เทียนอันเหมิน ที่ได้ชื่อมาจากประตูที่อยู่ทางเหนือของจตุรัส เป็นที่จดจำกันทั่วโลกถึงโศกนาฏกรรมครั้งใหญ่ ที่ทำให้เหล่าชาวโลกเสรีรุมประณามรัฐบาลจีน แต่ในขณะเดียวกันเทียนอันเหมินก็เป็นจุดศูนย์รวมสำคัญของปักกิ่ง ที่แวดล้อมไปด้วยสถานที่ทางประวัติศาสตร์ที่สำคัญ อย่างเช่น พระราชวังต้องห้ามที่ทุกคนต้องไปเยือน และยังมีพิพิธภัณฑ์รวมถึงสถานที่ราชการสำคัญ ๆ อีกมากมาย

ฉะนั้น อย่าไปนึกถึงเรื่องเศร้าที่ผ่านไปแล้วมากนัก มาเปิดตาเปิดใจชื่นชมกับศิลปวัฒนธรรมอันงดงามที่อยู่รายล้อมจตุรัสขนาด 400,000 ตารางเมตร ที่ได้ชื่อว่าเป็นจตุรัสที่ใหญ่ที่สุดในโลกกันดีกว่า

หอมกลิ่นอดีตในพระราชวังต้องห้าม

เมื่อบอกลาเทียนอันเหมิน เราก็สามารถทักทายกับ พระราชวังต้องห้าม ได้ในเกือบทันที คนจีนเรียกที่นี่ในอีกชื่อหนึ่งว่า กู้กง ซึ่งหมายถึงพระราชวังเดิม แต่คำว่า พระราชวังต้องห้าม หรือ Forbidden City มาจากอดีต ซึ่งที่นี่เป็นสถานที่ต้องห้ามสำหรับสามัญชนทั่วไป

แต่ตอนนี้เหล่าสามัญชน สามารถเดินกันเกลื่อนพระราชวังต้อมห้ามได้อย่างเสรี แต่กว่าจะเดินทั่วก็คงอาจขาลาก เพราะคนจีนดูจะนิยมสร้างอะไรให้ใหญ่โตมาแต่ไหนแต่ไร พระราชวังแห่งนี้จึงมีเนื้อที่ถึง 720,000 ตารางเมตร หรือประมาณ 450 ไร่ นั่นทีเดียว

บนพื้นที่มหึมานี้มีอาคารถึง 800 หลัง และมีห้องต่าง ๆ รวมกันถึง 9,999 ห้อง ถ้าใครเดนิที่จตุรัสเทียนอันเหมินมาแล้วก่อนจะลอดอุโมงค์ข้ามมาที่นี่ ก็อาจหมดแรงที่จะเดินดูให้ทั่วถึง หรืออย่างน้อยก็คงไม่อาจเดินชมที่นี่ได้อย่างทั่วถึงภายในวันเดียวแน่นอน

แต่ท่ามกลางอาคารท้องพระโรงอันใหญ่โต ทางเดินอันกว้างขวางและกำแพงยาวเหยียด เรากลับพบว่าห้องพักแต่ละห้องภายในอาคารส่วนที่พักอาศัยนั้น ช่างกระจ้อยร่อย ไม่ว่าจะเป็นห้องบรรทมของจักรพรรดิ หรือห้องบรรทมของพระนางซูสีไทเฮาผู้โด่งดัง ก็ล้วนแต่ดูสมถะไม่หรูหราใหญ่โตอย่างที่น่าจะเป็นเลย

อีกทั้งว่ากันว่าของตกแต่งอันหรูหรามีราคาหลายอย่าง ถูกยักย้ายถ่ายเทไปจากพระราชวังแห่งนี้ ในช่วงเวลาแห่งความวุ่นวายในประวัติศาสตร์จีน การตกแต่งภายในบางส่วนจึงไม่ดูอลังการงานสร้างเทียบเท่ากับตัวสถาปัตยกรรม แต่ด้วยร่องรอยแห่งอดีตที่อวลอายอยู่ทุกตารางนิ้วบน ดินแดนต้องห้าม แห่งนี้ ก็คงมากมาย เกินพอแล้วสำหรับการแวะมาเที่ยวชม

สถาปัตยกรรมสุดล้ำ

ถ้าพระราชวังต้องห้ามเป็นแลนด์มาร์กสำคัญของอดีตแห่งปักกิ่ง สนามกีฬาแห่งชาติหรือ สนามรังนก ที่เรียกกันตามลักษณะของสถาปัตยกรรม ที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อรองรับการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกเมื่อสองปีก่อน ก็คงถือได้ว่าเป็นแลนด์มาร์กสำคัญของปักกิ่งยุคใหม่

เพราะฉะนั้นถ้าอยากได้ชื่อว่า ถึง ปักกิ่งแล้วจริง ๆ ก็ต้องแวะมาชมความล้ำสมัยของสนามกีฬาแห่งนี้กันด้วย รวมถึงอาคารที่ใช้แข่งกีฬาทางน้ำหรือ Water Cube อันแสนทันสมัย และในบริเวณเดียวกันนี้ยังมีตึกใหม่ ในย่านนี้สองตึกที่เป็นสถาปัตยกรรมร่วมสมัยอันโดดเด่นของปักกิ่งนั่นก็คืออาคารสถานีโทรทัศน์ CCTV และ World Trade Center Tower III อีกด้วย

ตื่นตาตื่นใจกันจนอาจลืมไปเลยก็ได้ว่า ปักกิ่งเป็นเมืองเก่าแก่หลายร้อยปี และเราก็เพิ่งย่างเท้าออกมาจากอดีตที่พระราชวังต้องห้ามกันหยก ๆ

เวลาแห่งอดีตและปัจจุบัน...ที่ปักกิ่งดูเหมือนจะซ้อนเหลื่อมกัน เพียงแค่กะพริบตาเท่านั้นเอง

Fast Facts

สนามบินปักกิ่ง (Beijing Capital International Airport) อยู่ทางตะวันออกเฉียงเหนือ ห่างจากใจกลางเมืองราว 26 กม. สามารถเดินทางเข้าเมืองได้ด้วยรถไฟใช้เวลาราว 20 นาที ค่าโดยสาร 25 หยวน หรือวิธีที่ถูกกว่าก็คือการใช้รถเมล์ที่มีหลายสายเข้าสู่ย่านต่าง ๆ ในเมือง ค่าโดยสารเที่ยวเดียว 16 หยวน

รถไฟใต้ดินในปักกิ่ง เป็นวิธีที่รวดเร็วและสะดวกสบายในการท่องเที่ยว เพราะมีป้ายบอกทางต่าง ๆ เป็นภาษาอังกฤษอย่างชัดเจนมีทั้งหมด 9 สาย เปิดตั้งแต่ตีห้าถึงเที่ยงคืน

สายที่เป็นประโยชน์ที่สุด คือ สาย 1 ที่วิ่งจากตะวันออกไปตะวันตก และผ่านจตุรัสเทียนอันเหมิน และสถานที่ท่องเที่ยวหลายแห่ง สาย 2 เป็นสายวงแหวน ตามแนวกำแพงเมืองโบราณ สาร 5 ที่วิ่งจากเหนือไปใต้และผ่านจุดเที่ยวชมหลายแห่ง เช่นกัน สัญลักษณ์ของสถานรถไฟใต้ดินที่ปักกิ่ง เป็นป้ายสีน้ำเงินมีตัวหนังสือตัว G ตัวใหญ่ และตัว B ตัวเล็ก ค่าตั๋วเที่ยวเดียว 2 หยวน

รถประจำทางมีหลายสายครอบคลุมทุกเส้นทาง ค่าโดยสารจะเริ่มต้นที่ 1 หยวน ขึ้นอยู่กับระยะทาง

รถแท็กซี่ เริ่มต้นค่าโดยสาร 10 หยวน และเพิ่มขึ้นกิโลเมตรละ 2 หยวน

พระราชวังต้องห้าม เปิด 08.30-15.30 น. ในเดือนตุลาคม-เมษายน และ 08.30-16.00 น. ในเดือนพฤษภาคม-กันยายน

ถนนหวังฟูจิงเป็น Shopping Street สายสำคัญของปักกิ่ง ที่เต็มไปด้วยศูนย์การค้าและห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่มากมาย แต่ถ้าอยากได้บรรยากาศการช้อปปิ้งแบบเก่า ๆ ลองแวะไปที่ย่าน Hutong ซึ่งเป็นย่านเก่าของปักกิ่ง บ้านเรือน ในละแวกนี้ยังเป็นตึกเก่า ๆ แบบดั้งเดิมที่ยังมีประชาชนอาศัยอยู่ แต่หลายแห่งถูกเปลี่ยนเป็นร้านค้าจำหน่ายของที่ระลึก ร้านอาหาร บาร์ และโรงแรมสำหรับนักท่องเที่ยวแบบแบ็กแพ็ก

ที่มา กระปุก.คอม  

แสนดีเจริญรุ่งเรือง


2011-02-15 06:35:30 183.89.21.**
stat : 690 posts , 0 replys
 

คำตอบ
 
ข้อความ
รูปแบบพิเศษ ย่อหน้า ตัวหนา ตัวยก ตัวห้อย ตัวหนังสือเรืองแสง ตัวหนังสือมีเงา ตัวเอียง เส้นใต้ สีแดง สีเขียว สีน้ำเงิน สีส้ม สีชมพู สีเทา แทรกรูปจาก internet แทรกไฟล์ youtub vdo
Emotions
ชื่อ
email
ซ่อน E-Mail
.
สมัครสมาชิก Click ที่นี่ | เข้าสู่ระบบ Click ที่นี่




User :
Pass :
ลืมรหัสผ่าน

 
 
 
© Copyright 2010 WWW.MEEMARKET.COM All Rights Reserved.