หัวข้อ : รักษ์หัวใจ ในที่ทำงาน
|
สมาพันธ์หัวใจโลก (World Heart Federation) องค์กรระดับโลกที่ทำหน้าที่รณรงค์ต่อสู้โรคหัวใจ และอัมพาตให้แก่ชาวโลก ได้ถือเอาวันอาทิตย์สุดท้าย เดือนกันยายนของทุกปี เป็น วันหัวใจโลก ซึ่งได้เริ่มครั้งแรกเมื่อปี พ.ศ.2543 ปีนี้จึงเป็นการครบรอบ 10 ปีของการจัดงาน วันหัวใจโลก
สำหรับปีนี้ วันหัวใจโลก ตรงกับวันอาทิตย์ที่ 26 กันยายน พ.ศ.2553, World Heart Day: Sun 26th September 2010 คำขวัญวันหัวใจโลก คือ รักษ์หัวใจในที่ทำงาน I Work with Heart โดยมูลนิธิหัวใจฯ สมาคมแพทย์โรคหัวใจฯ และชมรมฟื้นฟูหัวใจ โรงพยาบาล และเครือข่ายต่าง ๆ ก็ได้ร่วมจัดงานเนื่องในวันหัวใจโลกขึ้นในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัดทั่วประเทศ โดยรณรงค์เรื่อง รักษ์หัวใจ ในที่ทำงาน
ความจริงที่ คนไทย ควรรู้เกี่ยวกับ โรคหัวใจ
1.ทำไมต้องหมั่นดูแลรักษาหัวใจ (รักษ์หัวใจ)? เพราะ...
คนไทยตายจากโรคหัวใจขาดเลือดเพิ่มขึ้น
จาก 7.9 คนต่อประชากรแสนคน ในปี พ.ศ.2542 เป็น 21.2 คนต่อแสนคน ในปี พ.ศ.2551
คนไทยป่วยจากโรคหัวใจขาดเลือดมากขึ้น
จาก 8.1 คนต่อประชากรแสนคน ในปี พ.ศ.2542 เป็น 276.83 คนต่อแสนคน ในปี พ.ศ.2551 (ข้อมูลสำนักนโยบายและยุทธศาสตร์ สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข)
คนไทย 1,000 คน จะมีผู้ป่วยเป็นโรคหัวใจขาดเลือดอย่างน้อย 2-3 คน ทุกปี และจะมีคนตายจากโรคหัวใจขาดเลือด อย่างน้อย 2 คนทุก 10 ปี
ปี พ.ศ.2548 โรคหลอดเลือดหัวใจตีบ กล้ามเนื้อหัวใจตายหรือขาดเลือดเป็นสาเหตุการตายอันดับ 4 ในผู้ชายไทย (ร้อยละ 7.3 ของการตายทั้งหมด รองจากอัมพาต เอดส์ อุบัติเหตุจราจร) และอันดับ 2 ในผู้หญิงไทย (ร้อยละ 8.6 รองจากอัมพาต) (ข้อมูลโครงการพัฒนาคุณภาพสาเหตุการตายในประเทศไทย พ.ศ.2548-2551 (SPICES): จาก The Fourth National Health Examination Survey (NHES IV) report หน้า 168)
2.ที่ทำงานมีผู้ป่วยหรือตายจากโรคหัวใจไหม? เพราะ...
คนไทยวัยทำงาน 1,000 คน เกือบทุกปี จะมีคนตายจากโรคหัวใจขาดเลือด 1 คน
คนไทยวัยทำงาน 1,000 คน ตายจากโรคหัวใจขาดเลือด 15 คนในเวลา 17 ปี
จากการศึกษาพนักงานการไฟฟ้าฝ่ายผลิตฯ 3,317 คน ตายจากโรคหัวใจขาดเลือด 50 คน ในเวลา 17 ปี (ร้อยละ 14 ของการตายทั้งหมด) (Piyamitr Sritara. Angiology 2008;58:757)
3.ทำไมคนไทยวัยทำงาน จึงป่วยหรือตายจากโรคหัวใจ เพิ่มขึ้น? เพราะ...
คนไทยเป็นเบาหวาน ความดัน (โลหิตสูง) ไขมัน (ผิดปกติ) (สูบ) บุหรี่ และอ้วนพีมีพุง เพิ่มขึ้น (ปี พ.ศ.2547 ชายไทยมีปัจจัยเสี่ยงดังกล่าวตั้งแต่ 2 ปัจจัยขึ้นไปร้อยละ 28.8 เพิ่มเป็นร้อยละ 29.4 ในปี พ.ศ.2552 ส่วนหญิงไทย เพิ่มจากร้อยละ 21.3 เป็นร้อยละ 25.2 ในปี พ.ศ.2552) (จาก NHES IV หน้า 165)
4.ทำไมต้องใส่ใจหัวใจในที่ทำงาน รอให้เป็นโรค (หัวใจ) ก่อน แล้วค่อยรักษาไม่ดีกว่าหรือ?
ไม่ดีแน่ เพราะ ป้องกัน ดีกว่าแก้ ป่วยแล้วแก้ไม่ทัน : ร้อยละ 30-50 ของผู้ป่วยโรคหลอดเลือดหัวใจเฉียบพลัน ตาย ก่อนถึงโรงพยาบาล (Curr Opin Cardiol 2003;)
คนไทยที่รอดตายจากโรคหลอดเลือดหัวใจตีบตัน กล้ามเนื้อหัวใจตายเฉียบพลันไปถึงโรงพยาบาลร้อยละ 17 ไม่ได้ออกจากโรงพยาบาล (ตายในโรงพยาบาล) Suphot Srimahachota.J Med Assoc Thai 2007; 90 (Suppl 1):1-11)
การลดปัจจัยเสี่ยงโรคหัวใจ (ก่อนป่วย) ช่วยยืดชีวิตคนอังกฤษ ได้มากกว่าการรักษาโรคหัวใจ (เมื่อป่วยแล้ว) ทุกอย่าง ประมาณ 4 เท่า (Unal B, BMJ 2005;331:614-20)
ค่าใช้จ่ายโดยเฉลี่ยในการรักษาหลอดเลือดหัวใจตีบตัน กล้ามเนื้อหัวใจตายเฉียบพลัน 1 รายในโรงพยาบาลรัฐบาลประมาณ 46,000 บาท แต่ถ้าต้องฉีดสีดูหลอดเลือดหัวใจและรักษา ค่าใช้จ่ายเพิ่มเป็นกว่า 150,000 บาท และค่าดูแลรักษาในปีแรกกว่า 120,000 บาท (Worachat Moleerergpoom. J Med Assoc Thai 2007;90 (Suppl 1): 21-31. Pongchai Anukoolsawat. Thai heart J 2006;19 : 132-143)
5.ทำอย่างไร รักษ์หัวใจในที่ทำงาน
สำหรับบุคลากรในองค์กร ปรับเปลี่ยนพฤติกรรม เพื่อสร้างเสริมสุขภาพ ด้วยการ
กินให้ดี
พืชสด กินผักมากกว่า 2 ฝ่ามือต่อมื้อผลไม้สด 15 คำต่อวัน
ลดเกลือ
หลีกเลี่ยงอาหารสำเร็จรูป ปรุงแต่ง
กินน้ำปลาไม่เกินครึ่งช้อนโต๊ะต่อมื้อ
ลดกินเกลือโซเดียม 1 ช้อนโต๊ะต่อวัน ลดอุบัติการณ์โรคหลอดเลือดหัวใจร้อยละ 6-9 ลดการเกิดกล้ามเนื้อหัวใจตายร้อยละ 7-12 (Bibbins-Domingo K.. NEJM 2010;362:590-9)
เนื้อน้อย ทุก ๆ 50 กรัมที่กินเนื้อสัตว์ปรุงแต่ง เพิ่มโอกาสโรคหัวใจร้อยละ 37 (Circulation 2010;121:2271-83.)
ด้อยมัน หลีกเลี่ยงไขมันชนิดทรานส์ (มาร์การีน ของทอดซ้ำ อบเบเกอรี) ลดกินไขมันอิ่มตัว (ไขมันสัตว์)
น้ำตาลต่ำ กินน้ำตาลไม่เกิน 6-8 ช้อนชาต่อวัน ไม่เติมน้ำตาลในอาหาร เครื่องดื่ม
เดินให้ไว
เดินเร็ว ออกกำลัง 1 ชั่วโมง อายุจะยืนขึ้น 2 ชั่วโมง. (American Heart Association)
เดินเร็ว ติดต่อกันนานกว่า 10นาทีต่อครั้งครึ่งชั่วโมงต่อวัน
เดิน 9,999 ก้าวต่อวัน โดยใช้เครื่องนับก้าว (pedometer)
หายใจช้า
หายใจช้ากว่า 10 ครั้งต่อนาที 15 นาทีต่อวัน ลดความดันโลหิตได้เท่ากับกินยาลดความดันฯ 1 ชนิด
เจริญสมาธิ หายใจช้า พาสุขคลายเครียด
สั่งลาพุง ชายไทยที่ใส่กางเกงเบอร์ 36 นิ้วขึ้นไปหรือหญิงไทยเกิน 32 นิ้ว ก็ถึงเวลาลดน้ำหนัก ลดรอบเอว โดย
การลดอาหาร แป้ง น้ำตาล หวาน มัน ทอด
ออกกำลังกาย มีกิจกรรมทางกายเพิ่มขึ้น
ลดความเครียด อารมณ์ซึมเศร้า ซึ่งเป็นสาเหตุอร่อยเกิน สบายเกิน
มุ่งปรับพฤติกรรม
หยุดสูบบุหรี่ และไม่ดมควันบุหรี่ อยู่ในที่อากาศบริสุทธิ์
ควบคุมน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์ (น้ำหนัก (เป็นกิโลกรัม) ไม่เกิน 23 คูณ ส่วนสูงเป็นเมตร คูณ ส่วนสูงเป็นเมตร) ลดรอบเอวไม่เกิน 90 เซนติเมตรในผู้ชาย 80 เซนติเมตรในผู้หญิง
ความดันโลหิตตัวบนไม่เกิน 140 ตัวล่างไม่เกิน 90 มิลลิเมตรปรอท
น้ำตาลในเลือดหลังงดอาหาร 8 ชั่วโมง ไม่เกิน 100 มิลลิกรัมต่อเดซิลิตร
สำหรับองค์กร
มีนโยบาย ห้ามสูบบุหรี่ และไม่สนับสนุนให้สูบบุหรี่ในที่ทำงาน
มีนโยบาย ส่งเสริมสนับสนุนให้ผู้สูบบุหรี่ หยุดสูบบุหรี่ ทั้งที่ทำงาน และที่บ้าน
มีนโยบาย สร้างเสริมสุขภาพในที่ทำงาน และจัดให้มีสถานที่ เวลา บุคลากรสร้างเสริมสุขภาพในที่ทำงาน เช่น
มีการจัดจำหน่ายอาหารสุขภาพ ป้องกันโรค มีที่เก็บ และอุ่นอาหารที่ทำเองจากบ้าน
ส่งเสริมการออกกำลังกาย กิจกรรมทางกายก่อน ระหว่าง หรือหลังทำงาน
ส่งเสริมสนับสนุนเดินขึ้นบันไดแทนใช้ลิฟต์
มีสถานที่จอดจักรยาน
สร้างเสริมบรรยากาศการทำงานที่ผ่อนคลาย เอื้ออาทร ไม่เครียด
มีเวลาพักระหว่างวัน และกิจกรรมคลายเครียดในที่ทำงาน
มีบริเวณอากาศบริสุทธิ์ และเงียบสงบ สำหรับบุคลากรในการผ่อนคลายความเครียด หรือปฏิบัติศาสนกิจ
ที่มา กระปุก.คอม
|
|
แสนดีเจริญรุ่งเรือง
2010-09-26 04:40:39 27.130.49.***
stat :
690 posts ,
0 replys
|
