ฟรี ร้านค้า ออนไลน์ ads 3.139.86.56 : 20-04-24 6:12:37   
สมัครสมาชิกใช้งานติดต่อโฆษณาสินค้าแยกตามหมวดร้านค้าสมาชิกกระดานสนทนากระดานสนทนา
MeeMarket

  หมวดสินค้าของเรา            
  
 

Tag / คำค้น

  แสดงสินค้าทั้งหมด
มีอะไรอยู่ในตะกร้าบ้างแล้ว คลิ๊กเลย!!!
หน้าแรกของร้าน
ร้าน MeeMarket
กระดานถามตอบของร้าน
>> webboard ของร้าน >> กระบี่เดียว เที่ยวสนุก

หัวข้อ : กระบี่เดียว เที่ยวสนุก  
 
ชื่อจังหวัดกระบี่นับว่ามีที่มาอันลึกลับไม่แพ้ศาสตราวุธในนิยายบีลิ้ม เพราะไม่มีใครรู้ว่ามาจากไหนบ้างก็ว่ามาจากชื่อเดิมของเมือง คือ ปกาสัย ที่แปลว่ากระบี่ แต่บางคนก็ว่าน่าจะมาจากคำว่า กระบี่ ที่แปลว่าลิง เนื่องจากเป็นหนึ่งในหัวเมือง ๑๒ นักษัตรของอาณาจักรตามพรลิงค์ คือเมืองบันทายสมอ ซึ่งมีตราประจำเมืองเป็นรูปลิง ที่อินเตอร์ฯ หน่อยก็บอกว่ามาจากคำในภาษามลายู เพราะมีคำว่า กะรูบี แปลว่าต้นหลุมพี แต่ไม่ว่าจะมีที่มาอย่างไร จังหวัดกระบี่ก็มีอยู่แห่งเดียวในประเทศไทย อย่างแน่นอน

มิว่าผู้ใดหากคิดเรียนรู้และเข้าใจในกระบี่ ย่อมต้องทุ่มเทกายใจ ใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับกระบี่ เนิ่นนานนับสิบปี กระทั่งพานพบว่ากระบี่แทบหลอมรวมเป็นองคาพยพส่วนหนึ่งของร่างกาย...

นั่นคือเรื่องของ กระบี่ ที่เป็นอาวุธคู่กายของจอมยุทธ์ในนิยายกำลังภายใน (ไม่เกี่ยวอะไรกับเรื่องนี้หรอกครับ ยกเอามาขึ้นต้นให้โก้ๆ ไปยังงั้น)

ที่ที่ผมกำลังจะชวนคุณผู้อ่านไปเที่ยวกันคือ กระบี่ จังหวัดหนึ่งทางภาคใต้ของประเทศไทยต่างหาก

อย่างไรก็ตามที ชื่อจังหวัดกระบี่ก็นับว่ามีที่มาอันลึกลับไม่แพ้ศาสตราวุธในนิยายบู๊ลิ้มเหมือนกัน เพราะเอาเข้าจริงก็ไม่มีกระบี่ แต่บางคนก็ว่าน่าจะมาจากคำว่า กระบี่ ที่แปลว่าลิง เนื่องจากเป็นหนึ่งในหัวเมือง ๑๒ นักษัตรของอาณาจักรตามพรลิงค์ (เมืองนครศรีธรรมราชยุคโบราณ) คือเมืองบันทรายสมอ ซึ่งมีตราประจำเมืองเป็นรูปลิง ที่อินเตอร์ฯ หน่อยก็บอกว่ามาจากคำในภาษามลายูแหงๆ เพราะมีคำว่า กะรูบี แปลว่าต้นหลุมพี พืชพื้นเมืองลักษณะคล้ายระกำ

แต่ไม่ว่าจะมีที่มาอย่างไร จังหวัดกระบี่ก็มีอยู่แห่งเดียวในประเทศไทยอย่างแน่นอน

คิดเรียนรู้กระบี่ชนิดนี้ คงไม่ถึงกับต้องตั้งรกรากกินนอนอยู่กับกระบี่เป็นสิบๆ ปีอย่างฝึกวิทยายุทธ์กระบี่ไร้เทียมทานหรอกครับ ใช้เวลาแค่ไม่กี่วันก็พอจะเที่ยวได้ทั่ว แต่กระนั้น ด้วยความที่กระบี่เป็นเมืองท่องเที่ยวทางทะเล ทำให้มีน้อยคนที่คิดจะมาใช้เวลาอยู่ในตัวเมืองกระบี่ ส่วนใหญ่มาถึงก็จะพากันเฮโลสาระพาดาหน้าลงไปเที่ยวทะเล เที่ยวเกาะกันหมด ผมเองก็เหมือนกันนั่นแหละ ไม่ต้องไปว่าใคร เคยมาแล้วก็จริง แต่ผ่านไปผ่านมาว้อบแว้บ พูดถึงกระบี่มักจะเห็นแต่ภาพของท้องทะเลสีครามเขาหินปูนสูงใหญ่ เรือคายักหลากสีพายไปพายมา แจ่มชัดอยู่ในจินตนาการ นึกแทบไม่ออกเหมือนกันว่าตัวเมืองกระบี่เป็นยังไง

งานนี้ก็เลยต้องมาลองบุกเดี่ยว เที่ยวเมืองกระบี่อย่างเดียวดูสักทีละครับ

เมืองสงบ สยบเคลื่อนไหว
ในตัวเมืองกระบี่มากมีโรงแรม เกสต์เฮาส์ให้เห็นอยู่เรียงราย เห็นได้ตั้งแต่เข้าเมืองมา มีแทบทุกประเภททุกระดับราคา ทว่า ภาพโดยรวมค่อนข้างไปทางเงียบสงบ คงเป็นเพราะส่วนใหญ่นักท่องเที่ยวที่มาจะไปลงทะเลกันหมด แต่ก็พอเห็นมีฝรั่งแบกเป้เดินกันอยู่ท่อม ๆ บ้าง ประปราย อาจจะเพิ่งมาถึงใหม่ ๆ หรือไม่ก็เพิ่งกลับขึ้นมาจากทะเล อยากรู้ว่าเป็นประเภทไหนก็ง่าย ๆ ครับ แค่เดินเข้าไปดูใกล้ ๆ ถ้าผิวังขาวอยู่แปลว่าเพิ่งมา หากว่าผิวแดงก่ำเป็นลิงพาลีละก็ แสดงว่าไปลงทะเลเที่ยวเกาะอาบแดดมาเรียบร้อย แต่วิธีนี้ใช้กับคนไทยไม่ได้นาครับมาทะเลกันที แต่ละคนใส่แว่นกันแดด สวมเสื้อแขนยาว กางเกงขายาว ใส่หมวกคลุมหัวหูกันอย่างกับจะไปรับจ้างตัดอ้อย เพราะกลัวตัวดำ

ไม่รู้จะเริ่มจากตรงไหน ผมเลยแวะไปไหว้ศาลหลักเมืองกระบี่ เอาฤกษ์เอาชัยเป็นประเดิมก่อน ยังเช้าอยู่ แดดไม่ค่อยร้อนเท่าไหร่ ก็เลยถือโอกาสจอดรถไว้แถวนั้น หันมาย่ำต๊อกเตร็ดเตร่ไปพลาง ดีตรงได้สัมผัสบรรยากาศใกล้ชิด เจออะไรก็แวะดูแวะชมได้ง่าย เจอข้าวแกงหน้าตาน่าอร่อยก็เข้าไปฟาดเสียสองจานสบายไปร้านชาวบ้านริมทางทั่วไปนี่แหละครับ ไม่เดินก็คงไม่เจอ

โต๋เต๋ตามทางผ่านย่านโรงแรมที่พักที่มีอยู่ละลานตาเรื่อยมาริมฝั่งแม่น้ำกระบี่ แลเห็นเขาขนาบน้ำ เอกลักษณ์ของเมืองโดดเด่นเป็นสง่าอยู่ เรียกว่าจับผูกตาเอามาปล่อยตรงนี้ เห็นเขาขนาบน้ำปุ๊บ ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเป็นหน้าเมืองกระบี่ บนลานอเนกประสงค์กว้างเป็นที่ตั้งของประติมากรรมรูปปูกับลูก ๆ ขนาดใหญ่ อีกด้านเป็นอินทรีทะเล หรือนกออก กำลังสยายปีกทำท่าเหมือนจะออกบินไป ใช้เป็นจุดเริ่มต้นกิโลเมตรที่ ๐ ยืนอยู่เห็นมีนักท่องเที่ยวแวะเวียนมาถ่ายภาพเป็นที่ระลึกกันไม่ขาด จะว่าเป็นที่หมายตาสำคัญก็คงได้

เดินทอดน่องเรื่อยเปื่อยไปตามแนวรั้วกั้นริมตลิ่ง เห็นฝรั่งสองคนยงโย่ยงหยกก้ม ๆ เงย ๆ ตั้งขาตั้งกล้องส่องดูนกอยู่ริมทาง ป่าโกงกางหน้าเมองกระบี่เป็นป่าที่อนุรักษ์พื้นที่เอาไว้ครับ มีนกหายากหลายชนิด ชื่อดังที่สุดคือ นกฟินฟุต ว่ากันว่ามีอยู่คู่หนึ่งที่มักจะพบว่ายวนเวียนอยู่แถวนี้ นอกจากนั้น ยังมีนกกระเต้นใหญ่ปีกสีน้ำตาล นกบั้งรอกเล็กท้องแดง ล้วนแล้วแต่ขึ้นชื่อว่าเป็นนกหายาก แต่ที่หน้าเมืองกระบี่กลับพบเห็นได้ง่าย (ได้ยินใคร ๆ เขาว่าอย่างนั้นน่ะ)

จำได้ว่ามาครั้งก่อนผมก็ยังมาล่องเรือดูนกกับเขาด้วย ทว่าดวงไม่ดีหรือไงก็ไม่รู้ครับ ไม่เห็นนกเจ๋งๆ ที่ว่าสักตัวแม้แต่เงา เห็นแต่นกพื้นๆ กับลิงแสมที่มีอยู่ทั่วไป คราวนี้เดินผ่านมาก็เลยแกล้งทำเป็นไม่สนใจ ทว่าก็แอบเหล่ๆ สองฝรั่งที่ส่องกล้องอยู่เหมือนกัน เผื่อว่าเกิดเอะอะเจอนกทีเด็ดขึ้นมาจะได้ขอเข้าไปร่วมวงศ์ไพบูลย์ด้วยคน

ดู ๆ ไปแล้วพูดได้ว่าบริเวณนี้เป็นศูนย์กลางการพักผ่อนหย่อนใจของเมืองกระบี่ก็คงจะไม่ผิดครับ เพราะมีสวนสาธารณะตั้งเรียงรายอยู่ติด ๆ กันถึง ๒ แห่ง คือ สวนเจ้าฟ้า ซึ่งอยู่ติดกับท่าเทียบเรือเจ้าฟ้า ฝรั่งนักท่องเที่ยวขึ้น ๆ ลง ๆ เรือกันอยู่ไม่เงียบเหงาทั้งวัน แล้วก็สวนธาราที่ค่อนข้างสงบเงียบ มีสำนักงานกีฬาของจังหวัดกระบี่ตั้งอยู่ไม่ไกล สนามเทนนิสงี้ใหม่เอี่ยมเชียว เห็นแล้วก็คันไม้คันมืออยากลงไปลองเล่น เสียดายไม่ได้พกเอาแร็กเก็ตติดตัวมา ยังแอบหมายตาร้านอาหารทะที่เห็นเรียงรายออยู่หลายร้านเอาไว้ (วันหลังลองแวะเวียนมาชิมดูก็อร่อยใช้ได้ครับ ราคาไม่แพง แถมอยู่ริมน้ำอีกต่างหากบรรยากาศดีทุกร้าน)

สายหน่อย แดดเริ่มร้อน ผมก็เปลี่ยนวิธีหันมาขับรถวนเวียนดูโน่นดูนี่แทน เห็นป้ายชี้ทางไป พิพิธภัณฑสถานวัดแก้วโกรวาราม เลยขับรถตามไป ปรากฏว่าเป็นวัดขนาดใหญ่ครับ ด้านหนึ่งกำลังมีการก่อสร้างวิหารหลังมหึมา ตกแต่งอย่างอลังการ ดูตัดกันกับอีกฟากหนึ่งของถนน ที่อุโบสถหลังเก่าสถาปัตยกรรมแบบพื้นบ้านภาคใต้ฝั่งตะวันตกสงบเงียบ อยู่ในร่มเงาไม้เขียวครึ้มตามประวัติว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวกับสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เคยเสด็จพระราชดำเนินมาทรงบำเพ็ญกุศลเนื่องในวันวิสาขบูชา ๑๙ พฤษภาคม พ.ศ.๑๕๑๓

วัดนี้ยังเป็นที่ตั้งของหอศิลป์ร่วมสมัย ซึ่งเป็นอาคารชั้นเดียว สถาปัตยกรรมภาคใต้ประยุกต์ ภายในเป็นโถงกว้าง ทาสีขาวสะอาดตา ติดแอร์เย็นสบาย ใช้เป็นที่จัดแสดงงานศิลปะ ตอนที่ผมมานี่เป็นช่วงของงานศิลป์แผ่นดินใต้ มีผลงานของศิลปินชื่อดังหลายคนมาจัดแสดงภาพที่เกิดจากแรงบันดาลใจเกี่ยวข้องกับภาคใต้ ทั้งทิวทัศน์ศิลปวัฒนธรรม วิถีชีวิต ไม่คิดมาก่อนว่าจะมีโอกาสได้มาชมงานศิลป์ที่เมืองกระบี่ ได้อารมณ์สุนทรีย์ไปอีกแบบ

จะว่าไป เมืองกระบี่ก็ถือว่ามีไอเดียวในทางสร้างสรรค์ ขนาดไฟสัญญาณจราจรก็ยังมีเอกลักษณ์ไม่เหมือนใครที่ไหน ตลอดถนนสายหลักของเมืองคือถนนมหาราช แยกหนึ่งทำเป็นประติมากรรมรูปมนุษย์โบราณล่ำสันแข็งแรง ทำท่าหิ้วกล่องไฟเขียวไฟแดงอยู่ที่สี่แยกทุกด้าน อีกแห่งทำเป็นรูปนกอินทรีทะเล หรือนกออกกำลังสยายปีกเหมือนโผบิน เด่นสง่าอยู่เหนือเสาสัญญาณไฟ และอีกแยกทำเป็นประติมากรรมรูปข้างใช้งวงชูดาบหรือกระบี่บนเสาสัญญาณไฟจราจรเหมือนกัน

ไม่แต่เสาสัญญาณจราจรเท่านั้น เหนือซุ่มแสดงแผนที่ท่องเที่ยวภายในเมืองกระบี่ที่ตั้งอยู่ตามจุดสำคัญก็มีประติมากรรมรูปที่ว่าประดับอยู่ด้านบนด้วย ขนาดเล็กกว่า ทาสีทองอร่าม แถมยังมีมากกว่าไฟจราจร คือประติมากรรมเสือทองอร่าม แถมยังมีมากกว่าไฟจราจร คือประติมากกรรมเสือเขี้ยวดาบเพิ่มขึ้นมาอีกด้วย เก๋ไก๋ไม่ซ้ำใคร

อวลอายุอดีตอาบน้ำแร่แช่น้ำร้อนตะลอนภูเขา

ระหว่างขับรถตุหรัดตุเหร่ตระเวนไปหาดูอะไรรอบๆ เมือง เหลือบไปเห็นว่ามีป้ายชี้ทางไปย่านตลาดเก่าก็ตาลุกครับ ตามประสาคนชอบอะไรโบร่ำโบราณ รีบหมุนพวงมาลัยมุ่งหน้าไปทันใด คาดหมายว่าจะเจอตึกเก่าหรืออะไรต่อมิอะไรที่เก่าๆ เก๋าๆ แต่ไปถึงเข้าจริงแล้วผิดหวัง ไม่มีอะไร ทั้งนั้น เหลือแต่ชื่อเท่านั้นที่ยังเป็น ตลาดเก่า หันไปทางไหนก็เห็นแต่ตึกรามบ้านช่องร้านรวงสมัยใหม่ ไม่มีอะไรเก่า นอกจากร้านขายของเก่าอยู่ตรงกลางสามแยก ดูเด่นสะดุดตาด้วยสามล้อถีบโบราณจอดไว้เป็นสง่าหน้าร้านเท่านั้น

แม้ผิดหวังจากย่านตลาดเก่า แต่ลงพลิกดูแผ่นพับททท. ที่ติดไม้ติดมือมา บนเส้นทางสายนี้ยังมีอีกหลายอย่างที่น่าสนใจครับ

ล่องลงไปทางทิศใต้ ผ่าน ย่านชุมชนคลองบ่อน้ำร้อน ที่มีบ่อน้ำร้อนเล็ก ๆ แต่ไม่เหมือนที่ไหน เพราะน้ำในบ่อไม่ใช่แค่ร้อนอย่างเดียว ยังเค็มอีกต่างหาก เดิมมี ๒ บ่อ ชื่อบ่อผัว บ่อเมีย แต่ถมไปตอนสร้างถนนบ่อหนึ่ง เลยเหลือบ่อเดียว มีเรื่องเล่าลือว่าสมัยก่อนมีงูจงอางใหญ่ ๒ ตัวเฝ้าอยู่ ชาวบ้านเชื่อว่าเป็น งูเทพ ก็เลยมีการสร้างศาลาเทวดาน้ำร้อน เป็นอาคารจัตุรมุขขึ้นกราบไหว้บูชา

ในซอยที่ขึ้นป้ายไว้ว่าการไฟฟ้าฝ่ายผลิต ถนนเล็ก ๆ พาแล่นผ่านปกาสัยคันทรีคลับ ที่มีสนามไดรฟ์กอล์ฟ และสนามกอล์ฟ เป็นที่ตั้งของอาคารประชาสัมพันธ์ในนี้แหละครับ มี นิทรรศการซากดึกดำบรรพ์ จัดแสดงซากสิ่งมีชีวิตที่ปรากฏอยู่ในหิน ทั้งซากพืชและสัตว์ ทางการไฟฟ้าฝ่ายผลิตขูดพบระหว่างการสำรวจหาแหล่งถ่านหินเลิกไนต์สำหรับเอามาทำเป็นเชื้อเพลิงให้เครื่องผลิตกระแสไฟฟ้าต้องติดต่อมาก่อนถึงจะมีวิทยากรนำชม ผมเองเดินดุ่ม ๆ เข้ามาเลยก็ยังมีเจ้าหน้าที่มาต้อนรับอย่างดี มีน่าท่าให้ดื่ม

ห้องจัดแสดงอยู่ถัดจากห้องโถงเข้าไป ได้บันไดทางลงทำเป็นตู้กระจก แลเห็นซากหอยโบราณขนาดใหญ่อยู่ดูน่าตื่นเต้น นิทรรศการให้ข้อมูลถึงลำดับขั้นตอนการเกิดฟอสซิลในธรรมชาติ อีกด้านหนึ่งเป็นจอโปรเจ๊กเตอร์ใหญ่ ฉายวิดีโอเกี่ยวกับซากดึกดำบรรพ์ ด้านล่างเป็นตู้กระจกจัดแสดงซากฟอสซิลที่ขุดได้ มีทั้งซากพืช ซากสัตว์ ซากกระดองเต่า ซากปลา ซากใบไม้ รวมทั้งกระดูก ขากรรไกรมนุษย์โบราณ อายุประมาณ ๓๗ ล้านปี (ที่เห็นเป็นประติมากรรมอยู่ตามแยกไฟแดงในเมืองนั่นแหละ) มีชื่อเต็มๆ ว่าสยามโมพิเทคัส อิโอซีนัส

เชื่อกันว่าเป็นต้นกำเนิดสายพันธุ์มนุษย์ ในห้องยังมีทั้งข้อมูลและซากดึกดำบรรพ์อื่น ๆ ที่น่าสนใจอีกไม่น้อย เช่น เขี้ยวของเสือเขี้ยวดาบ อายุ ๔๐-๓๕ ล้านปี (นี่ก็เห็นเอาไปทำประติมากรรมประดับซุ้มแผนที่เหมือนกัน) เสียดายที่อยู่ดูนานไม่ไหว เพราะในห้องไม่ได้เปิดแอร์ หน้าต่างก็ไม่มีเดินไปก็คล้ายอบชาวนาไปกลาย ๆ สอบถามเจ้าหน้าที่ได้ความว่าช่วงนี้อยู่ในระหว่างปรับปรุงอาคาร เนื่องจากกำลังโดนปลวกรุกรานอย่างหนัก

ย้อนกลับออกสู่ถนนใหญ่ เลยจากแยกทางไปสระมรกตหน่อยก็จะถึง วัดคลองท่อม หน้าวัดมณฑปใหญ่อลังการด้วยประติมากรรมพญานาค ประดิษฐานเทวรูปสำเภาก๋ง หรือซำปอกง เทพผู้คุ้มครองที่ชาวเรือนนับถือเลื่อมใส เป้าหมายสำคัญของผมไม่ใช่ตรงนี้ครับ แต่เป็นอาคารพิพิธภัณฑสถานวัดคลองท่อม ด้านในวัดเป็นตึก ๒ ชั้น ชั้นล่างจัดแสดงโบราณวัตถุหลายยุคหลายสมัยขวานหิน ภาชนะโบราณ แต่ส่วนใหญ่จะเป็นเศษชิ้นส่วนไม่ค่อยสมบูรณ์เท่าไหร่

ขึ้นบันไดไปชั้นสอง ด้านหนึ่งเป็นตู้กระจกเก็บของโบราณชิ้นเล็ก ๆ ประเภทเครื่องประดับ กำไล ส่วนที่เป็นที่เด็ดอยู่ที่อีกฟากหนึ่งของอาคาร เป็นตู้กระจกรวบรวมลูกปัดชนิดต่าง ๆ ที่ชาวบ้านขุดค้นได้จากในบริเวณควนลูกปัด ซึ่งพระครูอาทรสังวรกิจ อดีตเจ้าอาวาสขอซื้อจากชาวบ้านมารวบรวมไว้เป็นพิพิธภัณฑ์ มีทั้งลูกปัดทองคำลูกปัดสี มีอายุเก่าแก่ถึงพุทธศตวรรษที่ ๑๐-๑๒ ที่โด่งดังเป็นที่รู้จักกันก็คือลูกปัดสุริยเทพ เสียดายตอนที่ผมมาส่วนนี้ถูกปิดเอาไว้ เนื่องจากลูกปัดสุริยเทพถูกขโมยไปที่เคยเป็นข่าวครึกโครมอยู่พักใหญ่นั่นแหละ เลยได้แต่เกาะลูกกรงซะเง้อดูไกลๆ ความจริงอยากได้กันนัก ทางพิพิธภัณฑ์ฯ ก็ทำจำลองขายเสียเลยก็สิ้นเรื่อง น่าจะขายดี เป็นรายได้สนับสนุนพิพิธภัณฑ์ฯ ได้อีกทาง

ที่ผมสนใจหมายตาเอาไว้อีกอย่างบนเส้นทางที่ผ่านมาคือ บ่อน้ำพุร้อน เที่ยวตระแวนชมของเก่า ๆ จนเหนื่อยอ่อนแล้วได้อาบน้ำแร่แช่น้ำร้อนผ่อนคลายเสียหน่อยก็ไม่เลว เห็นมีอยู่ ๒ แห่ง เป็นของเอกชนทั้งคู่ ลองแวะเข้าไปดูแห่งแรกชื่อว่า อุทยานน้ำพุร้อนกระบี่ ตกแต่งซุ้มประตูล้อมรั้วแบบบาหลี มีตุ๊กตาหินประดับตามแนวกำแพงเรียงราย เสียค่าผ่านประตูเข้าไปข้างใน มีบ่อน้ำพุร้อนบ่อแช่น้อยใหญ่เรียงรายอยู่ท่ามกลางสนามหญ้าและสวนหย่อม อาคารที่เป็นห้องอาบก็มีเหมือนกัน แต่ยังสร้างไม่เรียบร้อยดี นักท่องเที่ยวทั้งไทยและฝรั่งนั่งแช่กันอยู่บรรยากาศดูค่อนข้างพื้นบ้านเป็นกันเอง

รุ่งขึ้นอีกวันผมลองเข้าไปทาง ณัฐฐาวารีน้ำพุร้อน ดูบ้าง ตกแต่งต่างกันเป็นคนละสไตล์ ที่นี่ดูเป็นสมัยใหม่กว่า (และแพงกว่าด้วย) ภายในแบ่งเป็นสัดส่วนชัดเจนมีห้องอาบแบบเป็นส่วนตัว สระว่ายน้ำแร่ และบ่อแช่ที่แต่ละบ่อมีอุณหภูมิแตกต่างกันออกไปให้เลือก ตั้งแต่ ๓๙-๕๑ องศาเซลเซียส อยู่ท่ามกลางสวนหย่อมเขียวครึ้มร่มรื่น ก่อนลงต้องดูป้ายให้ดี ผมเองตอนแรกแช่สุ่มสี่สุ่มห้า ปรากฏเป็นบ่อร้อนที่สุด แค่แหย่เท้าลงไปก็ต้องร้องจ๊าก กระโดดขึ้นแทบไม่ทัน แต่ถ้าได้บ่อที่อุณหภูมิพอดีก็จะแช่แล้วสบาย ช่วยให้ผ่อนคลายครับ

ที่เป็นที่เด็ดคือมุมหนึ่งจัดเอาไว้เป็นบ่อมัจฉาบำบัด โดยเลี้ยงปลาหมอสกุลจูลิโดโครมิสที่นิยมกันในบรรดาสปาทั้งหลายเอาไว้ในบ่อ เนื่องจากการดูดและตอดของปลาชนิดนี้จะคล้ายๆ การช็อตด้วยกระแสไฟอ่อนๆ ช่วยขจัดเซลล์ที่ตาย กระตุ้นผิวให้เกิดเซลล์ใหม่ให้ดูอ่อนเยาว์ แต่เขาให้แช่เฉพาะขาและเท้าเท่านั้น นักท่องเที่ยวต่างชาตินิยมกันมาก โดยเฉพาะสาว ๆ มานั่งแช่ขากันพลางหัวเราะ คิก ๆ คัด ๆ ผมเห็นแล้วอดไม่ได้ ต้องลองไปแช่ดูบ้าง ไม่รู้ได้ผลหรือไม่อย่างไร แต่ที่แน่ ๆ ก็คือรู้สึกสนุกดี เหมือนมีใครมาจั๊กจี้ที่เท้าให้ดิกเดียมพิกลยังไงก็ไม่รู้ละครับ

กลับเข้าเมืองมาในยามตะวันชายบ่ายคล้อย แวะเวียนเข้าไปใน วัดถ้ำเสือ เพราะเห็นเขาว่าบนเขามีจุดชมทิวทัศน์เมืองกระบี่ได้จากมุมสูงในวัดกำลังมีการก่อสร้างเจดีย์องค์ใหญ่ ทางวัดเขาเปิดโอกาสให้ผู้มาเยือนได้มีส่วนร่วมสร้างเจดีย์ด้วยการสร้างพระพิมพ์กับมือตัวเอง โดยมีแบบให้เลือกว่าอยากจะสร้างพระพิมพ์พุทธรูปประจำวันเกิดหรือพระพิมพ์เกจิชื่อดัง ได้แบบแล้วก็เอาไปกดพิมพ์ ก่อนนำไปเก็บไว้เตรียมบรรจุใต้ฐานเจดีย์ต่อไป มรรคนายกช่วยบริการถ่ายรูปเป็นที่ระลึกให้เสร็จสรรพอีกด้วย แถมพกด้วยพระเครื่องอีกต่างหาก

ผมเองกะเวลาเอาไว้ว่ามาถึงเย็น ๆ แดดกำลังสวย เอาเข้าจริงมัวมาเพลินกับการสร้างพระ ต้องรีบตาลีตาเหลือกเดินขึ้นเขา เห็นป้ายติดเอาไว้ บันไดตั้ง ๑,๒๓๗ ขั้น เขียนเลขกำกับไว้ที่ราวบันไดเสร็จสรรพ ไม่ต้องนับให้เมื่อย จุดวัดใจนั้นอยู่ตรงช่วงขั้นที่ ๒๖๙ เพราะบันไดซันดิกแทบเป็นแนวตั้ง แต่ผ่านตรงนี้ได้ก็สบายแล้วละครับ ไปท้อใจอีกทีก็ตรงกลาง ๆ เพราะเริ่มลิ้นห้อย แต่ถึงตรงนี้ก็หมดสิทธิ์ถอย เพราะขึ้นหรือลงก็เท่ากัน เห็นแสงตะวันอ่อนลงก็ยิ่งรีบเดิน ยิ่งรีบเดินก็ยิ่งเหนื่อยหอบซี่โครงบาน แต่ในที่สุดก็ขึ้นไปทันเห็นแสงสีทองทาบทาองค์เจดีย์ พระพุทธรูปองค์ใหญ่ และมณฑปเทวรูปเป็นสีทองอร่าม

ถึงแล้วก็รู้สึกว่าคุ้มค่าบนระเบียงที่เป็นเหมือนกับดาดฟ้ากว้าง ลมพัดโกรกสบายหายเหนื่อย ยิ่งเห็นแสงสุดท้ายหลากสีบนผืนฟ้าเหนือทิวเทือกเขาหินปูนสลับซับซ้อนตระการตาด้วยแล้ว แทบไม่อยากกลับลงมาเลยละครับ แต่ต้องกลับ เพราะกลัวมืด เดี๋ยวแทนที่เดินลงจะกลายเป็นกลิ้งลงมาแทน

กลับมาคืนนั้นไปโพสต์เอาไว้ในเฟซบุ๊กว่า ขึ้นไปชมพระอาทิตย์ตกบนยอดเขาแก้ววัดถ้ำเสือมา ดันมีเพื่อนในเครือข่ายมาโพสต์บอกว่าให้ขึ้นไปดูพระอาทิตย์ขึ้นตอนเข้าสิ สวยกว่า แถมมีทะเลหมอกด้วย ไม่รู้เหมือนกันว่าหลอกหรือเปล่า แต่ถึงยังไงผมก็คงไม่ตะกายขึ้นเขาไปซ้ำสองหรอกครับ กลับลงมาวันนี้ก็แข้งขาสั่น แถมวันรุ่งขึ้นปวดเมื่อยเดินเป็นหุ่นยนต์ไปอีกตั้งหลายวัน แต่ใครอยากลองขึ้นไปดูก็ไม่ว่านะครับ แล้วอย่าลืมมาเล่าให้ฟังด้วยว่า ตอนเช้ามีทะเลาหมอกจริง สวยจริงหรือไม่อย่างไร ส่งรูปมาให้ดูด้วยได้ก็ยิ่งดีครับ แหะ แหะ

เลียบชายหาดชีวิตชีวาเมืองตากอากาศสีสันยามราตรี

เปลี่ยนบรรยากาศขึ้นมาทางทิศเหนือของเมืองบ้าง บนเส้นทางนี้มีแหล่งท่องเที่ยวดังที่รู้จักกันมานานคือ สุสานหอยเมืองกระบี่ ริมทะเลบ้านแหลมโพธิ์ เป็นหนึ่งในสุสานหอยที่มีอยู่เพียง ๓ แห่งทั่วโลก แถมในประเทศไทยเราเป็นที่เดียวในโลกเขียวนาครับ ที่อยู่ติดกับทะเลเป็นแนวยาว เดินผ่านศาลาลงบันไดไปก็จะเห็น มองเผินๆ ดูเหมือนแผ่นคอนกรรีตแตก ๆ หัก ๆ ทับซ้อนกันอยู่ต้องเข้าไปดูใกล้ๆ ถึงจะเห็นว่าเป็นเปลือกหอยเล็ก ๆ อัดกันแน่น นักท่องเที่ยวน้อยคนจริงๆ แหละครับที่จะเข้าใจถึงคุณค่าของสิ่งที่เห็น ส่วนใหญ่มักจะผิดหวัง นึกภาพไปว่ามาเที่ยวสุสานหอยจะต้องเห็นหอยยักษ์ดึกดำบรรพ์นับร้อยนับพันตัวกองเท่าภูเขาหรืออะไรประมาณนั้น

ขนาดนักท่องเที่ยวฝรั่งก็ยังมีเลยครับ ทำเป็นเล่นไป เห็นยืนต่อรองกับเจ้าหน้าที่อยู่หน้าเคาน์เตอร์ตั้งนานสองนาน พอผมเดินผ่านไป เจ้าฝรั่งก็หันมา เบ้หน้ากับผมคล้าย ๆ จะบอกว่าไม่เห็นมีอะไรเลย ทำไมถึงเก็บเงินแพงจัง ตั้งสองร้อยบาท ลดหน่อยไม่ได้หรือ เป็นยังงั้นไป ทั้งที่พูดได้เต็มปากว่ามีหนึ่งเดียวในโลกนะครับ สุสานหอยแบบนี้ จะว่าไปทางอุทยานฯ น่าจะสร้างหอยยักษ์จำลอง ตั้งเอาไว้ให้นักท่องเที่ยวจำพวกนี้ถ่ายรูปเล่นข้างหน้าสักตัวสองตัวก็น่าจะดี มาแล้วจะได้ไม่บ่น

จากสุสานหอยหนทางคดเคี้ยวพาผมลดเลี้ยวผ่านปราการขุนเขาหินปูนสูงทะมึน มุ่งหน้าเข้าสู่อีกมิติหนึ่งของกระบี่ที่แตกต่างออกไป คือถนนสายเลียบหาด ที่ทอดยาวจาก หาดนพรัตน์ธารา ไปจนกระทั่งถึง อ่าวนาง เป็นศูนย์กลางของการท่องเที่ยวชายฝั่งทะเลของกระบี่

หาดนพรัตน์ธารา นั้นค่อนข้างสงบเงียบ เป็นที่ตั้งของที่ทำการ อุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี ริมหาดทรายครึกครื้นไปด้วยนักท่องเที่ยวทั้งฝรั่งและไทย ปูเสือปิกนิกข้าวเหนียวส้มตำกันเป็นกลุ่มๆ ตรงหัวมุมทางแยกเป็นที่ตั้งของอนุสรณ์สถานสึนามิ จัดแสดงประติมากรรม กอดฉันให้แน่น ผลงานของหลุยส์บัวร์ชัวร์ (Louis Bourgeois) ศิลปินชาวฝรั่งเศส ในพื้นที่ ๑ ไร่ สะพานทางเดินทอดยาวลดเลี้ยวเข้าไปในใจกลางหมู่แมกไม้ร่มเขียว ซึ่งในสระน้ำจัดแสดงประติมากรรมรูปมือข้างเดียว ขณะที่ในโดมไม้ใกล้กันจัดแสดงประติมากรรมทองเหลืองรูปสองมือประสาน รำลึกถึงความสูญเสียจากครั้งเหตุการณ์คลื่นยักษ์สึนามิ

เลียบเลาะหาดทรายไปเรื่อย ๆ ก็จะเข้าสู่ อ่าวนาง อันเป็นย่านที่ตั้งของความเจริญ เพียบพร้อมด้วยที่พัก ทั้งโรงแรม ทั้งรีสอร์ต ตลอดจนร้านค้าสิ่งอำนวยความสะดวกมากมายเรียงรายขนานไปสุดชายหาด

ผมเคยลองแวะเวียนเข้ามาในตอนเช้า ตึกรามร้านรวงในแถบนี้จะเงียบสงัดปราศจากผู้คน เหมือนกับเป็นเมืองร้างเชียวละครับ ตรงกันข้ามกับช่วงบ่ายๆ เป็นต้นไป ทั่วทั้งบริเวณหาดอันยาวเหยียดจะเปลี่ยนเป็นครึกครื้นด้วยผู้คนและขวักไขว่ด้วยยวดยานสัญจรไปมาบนถนนายเลียบชายหาด ในทะเลคลาคล่ำไปด้วยเรือที่รับส่งนักท่องเที่ยว ทั้งลงไปยังเกาะ ทั้งกลับมาจากเกาะ ขนข้าวของหิ้วกันพะรุงพะรัง รถสามล้อพ่วงข้างวิ่งส่งผู้โดยสารเข้าออกโรงแรมที่พักกันคึกคัก

เมื่อแดดร่มลมตก ดวงอาทิตย์ลับไปในผืนน้ำ นักท่องเที่ยวก็เริ่มออกมาเดนิกันอยู่ตามหาดทรายทำกิจกรรมอะไรต่อมิอะไร มีตั้งแต่นั่งเล่นนอนเล่นเอกเขนกอยู่บนผืนทราย เตะฟุตบอล เล่นวอลเลย์บอลร่อนจานบินพลาดสติกก็ยังเห็นมี ร้านรวงตามริมถนนก็เริ่มสว่างไสวด้วยแสงไฟ ผู้คนมากมายเบียดเสียดยัดเยียดกัน กินดื่มสนทนาพูดคุยแสวงหาความสุขสนุกสนานกระทั่งดึกดื่นค่อนคืนค่อยแยกย้าย เป็นวัฏจักรวนเวียนอย่างนี้เหมือนกันทุกวัน เป็นอีกสีสันที่แตกต่างจากอีกฟากฝั่งของเมือง

ไม่ต้องทำอะไรหรอกครับ แค่มาเดินดูความเป็นไปของชีวิตผู้คนบนเส้นทางสายนี้ก็เพลิดเพลินเหลือหลาย ดูได้ไม่เบื่อเป็นวัน ๆ เชียวละครับ

ที่แน่ ๆ ก็คือช่วยให้ภาพของเมืองกระบี่ในห้วงความคิดของผมชัดเจนครบถ้วนขึ้นกว่าแต่ก่อนเยอะครับ ถ้าคุณเป็นคนหนึ่งที่อยากจะรู้จักเมืองกระบี่ให้มากขึ้นกว่าแค่เป็นทางผ่าน และเวลาเพิ่มเติมอีกสักวันสองวันเที่ยวเมืองตามผมสิครับ บางทีคุณอาจจะรักเมืองกระบี่มากขึ้นในแง่มุมที่มากไปกว่าแค่การมาเที่ยวทะเลก็ได้

คู่มือนักเดินทาง

จริยา ชูช่วย...รวบรวม

กระบี่ เมืองงานชายทะเลอันดามัน มีพื้นที่ ๔,๗๐๘ ตารางกิโลเมตร งดงามด้วยหาดทราย น้ำทะเลหมู่เกาะน้อยใหญ่กว่า ๑๓๐ เกาะ อุดมด้วยภูเขา ที่ราบ และป่าชายเลนที่สมบูรณ์ ตัวเมืองกระบี่มีแม่น้ำไหลผ่านตัวเมืองยาว ๕ กิโลเมตร นอกจากนี้ยังมีคลองปกาสัย คลองกระบี่ใหญ่ คลองกระบี่น้อย ที่มีต้นกำเนิดจากเทือกเขาพนมเบญจา เทือกเขาที่สูงที่สุดในจังหวัดกระบี่

การเดินทางจากกรุงเทพฯ

รถยนต์
แนะนำให้ใช้ทางหลวงหมายเลข ๔ ผ่านจังหวัดเพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ถึงจังหวัดชุมพร จากชุมพรใช้ทางหลวง หมายเลข ๔๑ ผ่านอำเภอหลังสวน อำเภอไชยา จังหวัดสุราษฏร์ธานี จากนั้นใช้ทางหลวงหมายเลข ๔๔ ถึงอำเภออ่าวลึกแล้ววกเข้าทางหลวงหมายเลข ๔ อีกครั้ง ระยะทาง ๘๑๔ กิโลเมตร
รถโดยสารประจำทาง

มีรถออกจากสถานีขนส่งสายใต้ ถนนบรมราชชนนิ ไปจังหวัดกระบี่ทุกวัน ใช้เวลาประมาณ ๑๒ ชั่วโมง สอบถามข้อมูลได้ที่บริษัทขนส่ง จำกัด โทรศัพท์ ๐ ๒๔๓๕ ๑๑๙๙, ๐ ๒๔๓๕ ๑๒๐๐ และ ๑๔๙๐ บริษัทลิกไนท์ จำกัด โทรศัพท์ ๐ ๒๔๓๕ ๗๔๒๘, ๐ ๒๔๓๕ ๕๐๑๖ บริษัทศรีสุเทพทัวร์ จำกัด โทรศัพท์ ๐ ๒๘๘๔ ๕๕๙๙

เครื่องบิน
สอบถามรายละเอียดได้ที่บริษัทการบินไทย จำกัด (มหาชน) โทรศัพท์ ๑๕๖๖, ๐ ๒๒๘๐ ๐๐๖๐, ๐ ๒๖๒๘ ๒๐๐๐, ๐ ๒๓๕๖ ๑๑๑๑ เว็บไซต์ http://www.thaiainways.com/ ท่าอากาศยานกระบี่ โทรศัพท์ ๐ ๗๕๖๙ ๑๙๔๐ สายการบินไทยแอร์เอเชีย โทรศัพท์ ๐ ๒๕๑๕ ๙๙๙๙ เว็บไซต์ http://www.airasia.com/ สายการบินวันทูโก โทรศัพท์ ๑๑๒๖, ๐ ๒๒๒๙ ๔๒๖๐ เว็บไซต์ www.fly12go.com

แหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจ

หาดนพรัตน์ธารา ชายหาดยาว ๓ กิโลเมตร ห่างจากตัวเมืองกระบี่ประมาณ ๑๗ กิโลเมตร ชายหาดค่อนข้างเงียบสงบ อยู่ในความดูแลของอุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี มีที่พักอุทยานฯ บริการแก่นักท่องเที่ยว โทรศัพท์ ๐ ๗๕๖๓ ๗๒๐๐, ๐ ๗๕๖๖ ๑๑๔๕

อ่าวนาง ยาวประมาณ ๖ กิโลเมตร โดยเชื่อมต่อกับหาดนพรัตน์ธารา มีที่พัก ร้านค้า และบริษัทนำเที่ยวบริการหลายแห่ง ชายหาดบริเวณนี้ครึกครื้น สามารถนั่งรถโดยสารจากตัวเมืองมายังอ่างนางได้ โดยขึ้นรถที่หน้าห้างสรรพสินค้าโวค ถนนมหาราช คำโดยสารตั้งแต่เวลา ๐๗.๐๐-๑๘.๐๐ นาฬิกา ราคา ๕๐ บาท เวลา ๑๘.๐๑-๒๒.๐๐ นาฬิกา ราคา ๖๐ บาท ใช้เวลาประมาณ ๔๕ นาที

พิพิธภัณฑ์สถานวัดคลองท่อม อยู่ในบริเวณวัดคลองท่อม ห่างจากที่ว่าการอำเภอคลองท่อม ๑ กิโลเมตร เก็บสะสมสิ่งของและวัตถุโบราณขุดพบในบริเวณ ควนลูกปัด เนินดินหลังวัดคลองท่อม เช่น เครื่องมือหิน เครื่องประดับจากหิน ดินเผา ลูกปัด เปิดให้เข้าชมเวลา ๐๘.๓๐-๑๑.๐๐ นาฬิกา และ ๑๓.๐๐-๑๗.๐๐ นาฬิกา โดยไม่เสียค่าเข้าชม

น้ำตกร้อนคลองท่อม เป็นหนึ่งในน้ำพุร้อนที่กระจายอยู่ในบริเวณนี้ น้ำไม่ร้อนมาก อุณหภูมิประมาณ ๔๐-๕๐ องศาเซลเซียส ทัศนียภาพเป็นชั้นน้ำตกหินปูนสวยแปลกตา ค่าเข้าชม ผู้ใหญ่ ชาวไทย ๒๐ บาท เด็ก ๑๐ บาท ผู้ใหญ่ชาวต่างชาติ ๙๐ บาท เด็ก ๕๐ บาท สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม โทรศัพท์ ๐ ๗๕๖๒ ๒๗๑๓, ๐ ๗๕๖๒ ๒๖๒๔

ศูนย์ส่งเสริมและผลิตพันธุ์พืชสวนกระบี่ เป็นศูนย์รวบรวมและกระจายพันธุ์พืชท้องถิ่น พืชพรรณในประเทศและต่างประเทศแก่เกษตรกร ภายในศูนย์ฯ มีพรรณไม้หลากหลายให้ชม เช่น หน้าวัว ๖๐ พันธุ์ กล้วยไม้หลากสีสัน เฟิร์นนานาชนิด เป็นต้น เปิดให้เข้าชมวันจันทร์-ศุกร์ เวลา ๐๘.๓๐-๑๖.๓๐ นาฬิกา สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม โทรศัพท์ ๐ ๗๕๖๑ ๒๙๑๓

วัดถ้ำเสือ เป็นสวนป่า แวดล้อมด้วยต้นไม้ใหญ่นับร้อยปีในหุบเขาคีรีวงศ์ มีถ้ำเล็กถ้ำน้อยมากมาย เช่น ถ้ำคนธรรพ์ ถ้ำช้างแก้ว ถ้ำลอด เป็นต้น มีเส้นทางขึ้นสู่จุดชมวิวบนยอดเขา ไปตามบันได ๑,๒๓๗ ขั้น สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่หมายเลขโทรศัพท์ ๑๖๗๒ (เบอร์เดียวเที่ยวทั่วไทย) การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานกระบี่ โทรศัพท์ ๐ ๗๕๖๒ ๒๑๖๓

ที่มา กระปุก.คอม  

แสนดีเจริญรุ่งเรือง


2010-05-01 09:20:38 124.122.236.***
stat : 690 posts , 0 replys
 

คำตอบ
 
ข้อความ
รูปแบบพิเศษ ย่อหน้า ตัวหนา ตัวยก ตัวห้อย ตัวหนังสือเรืองแสง ตัวหนังสือมีเงา ตัวเอียง เส้นใต้ สีแดง สีเขียว สีน้ำเงิน สีส้ม สีชมพู สีเทา แทรกรูปจาก internet แทรกไฟล์ youtub vdo
Emotions
ชื่อ
email
ซ่อน E-Mail
.
สมัครสมาชิก Click ที่นี่ | เข้าสู่ระบบ Click ที่นี่




User :
Pass :
ลืมรหัสผ่าน

 
 
 
© Copyright 2010 WWW.MEEMARKET.COM All Rights Reserved.