ฟรี ร้านค้า ออนไลน์ ads 18.216.121.55 : 20-04-24 21:04:53   
สมัครสมาชิกใช้งานติดต่อโฆษณาสินค้าแยกตามหมวดร้านค้าสมาชิกกระดานสนทนากระดานสนทนา
MeeMarket

  หมวดสินค้าของเรา            
  
 

Tag / คำค้น

  แสดงสินค้าทั้งหมด
มีอะไรอยู่ในตะกร้าบ้างแล้ว คลิ๊กเลย!!!
หน้าแรกของร้าน
ร้าน MeeMarket
กระดานถามตอบของร้าน
>> webboard ของร้าน >> เปิดประตูสู่...ภูเก็ต

หัวข้อ : เปิดประตูสู่...ภูเก็ต  
 
เปิดประตูสู่...ภูเก็ต ชมสถาปัตยกรรมแบบชิโน-โปรตุกีส

คำขวัญ : ไข่มุกอันดามัน สวรรค์เมืองใต้ หาดทรายสีทอง สองวีรสตรี บารมีหลวงพ่อแช่ม

ภูเก็ต ได้ชื่อว่าเป็นไข่มุกแห่งอันดามัน เมืองท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงไปทั่วโลก ในด้านความสวยงามของทิวทัศน์ และหาดทราย น้ำทะเลสีฟ้าใส พร้อมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกทางการท่องเที่ยวครบครัน เป็นเกาะใหญ่ที่สุดของประเทศไทย มีฐานะเป็นจังหวัดหนึ่งในภาคใต้ ตั้งอยู่ทางชายฝั่งทะเลตะวันตกของประเทศไทยในน่านน้ำทะเลอันดามัน มหาสมุทรอินเดีย มีพื้นที่ประมาณ 543 ตารางกิโลเมตร ความยาวสุดของเกาะภูเก็ตวัดจากทิศเหนือถึงทิศใต้ประมาณ 48.7 กิโลเมตร และส่วนกว้างที่สุดวัดจากทิศตะวันออกถึงทิศตะวันตกประมาณ 21.3 กิโลเมตร

ภูเก็ต แบ่งออกเป็น 3 อำเภอ คือ อำเภอเมือง อำเภอถลาง และอำเภอกะทู้ ภาคใต้ของประเทศไทยเรื่องของอากาศได้ชื่อว่า ฝน 8 แดด 4 คือมีฤดูฝน 8 เดือน และฤดูร้อน 4 เดือน ไม่มีฤดูหนาว หากใครอยากไปเที่ยวจังหวัดภูเก็ตและต้องการเห็นน้ำทะเลสีฟ้าใส ก็ไม่ควรที่จะเดินทางไปในหน้าฝน ส่วนเสื้อผ้าที่จะนำติดตัวไปก็ต้องเตรียมให้เหมาะกับสภาพของอากาศด้วย และที่สำคัญทุกครั้งก่อนออกเดินทางอย่าลืมโทรเช็คกรมอุตุนิยมวิทยาเรื่องลม ฟ้า อากาศ ก่อนเป็นดีแน่ที่เบอร์โทร.1182

แหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจของจังหวัดภูเก็ต

ประตูเมืองสู่ภูเก็ต (Phuket Gateway)
สร้างโดยองค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ต เนื่องในวโรกาสมหา-มงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 80 พรรษา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในปี 2550 เพื่อให้การต้อนรับนักท่องเที่ยวที่จะเดินทางเข้ามาท่องเที่ยว ที่จังหวัดภูเก็ต โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาโดยทางรถยนต์ ผ่านสะพาน ท้าวเทพกระษัตรี-ท้าวศรีสุนทร เพื่อข้ามจากแผ่นดินใหญ่มายังเกาะภูเก็ต ประตูเมืองภูเก็ตก่อสร้างบนพื้นที่ 25 ไร่ ตำบลไม้ขาว อำเภอถลาง มีจุดเด่น คือ เสาประติมากรรมเรียงรายเป็นแนวยาว 29 ต้นที่มีการก่อสร้างขึ้น ตามแนวคิดว่า เลข 2 คือ ท้าวเทพกระษัตรี-ท้าวศรีสุนทร สองวีรสตรีของชาวภูเก็ต ส่วนเลข 9 มีนัยถึงพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9

นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติ จะได้เรียนรู้ประวัติศาสตร์ความเป็นมา ศิลปวัฒนธรรมต่าง ๆ ของภูเก็ต ผ่านข้อมูลที่จารึกอยู่บนเสาศิลา 29 ต้น ซึ่งได้เรียงร้อยเรื่องราวต่าง ๆ ของภูเก็ต ตั้งแต่ยุครุ่งเรืองจากการทำเหมืองแร่ดีบุก การทำเกษตรกรรม จนถึงยุคอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว จุดเด่นอีกอย่างหนึ่งคือ ประติมากรรมเต่าทะเลกับไข่เต่าขนาดใหญ่ด้านหน้าอาคาร โดยฝีมือของศิลปินเอก ศาสตราจารย์ธนะ เลาหกัยกุล ซึ่งเป็นงานศิลปที่เล่าเรื่องหาดไม้ขาว สถานที่วางไข่ของเต่ามะเฟืองซึ่งอยู่ในจังหวัดภูเก็ต

นอกจากประตูเมืองภูเก็ตจะเป็นแหล่งท่องเที่ยวแห่งใหม่แล้ว ยังมีศูนย์ให้บริการข้อมูลด้านการท่องเที่ยว มีห้องประชุมเล็ก และ Mini theatre สำหรับแวะเยี่ยมชมวีดีทัศน์เกี่ยวกับภูเก็ต สารคดีท่องเที่ยว พร้อมหาซื้อของที่ระลึก ผลิตภัณฑ์ดีไซน์ของภูเก็ต ผ้าบาติก ไข่มุก อาหารแปรรูป และชิ้นงานศิลปะต่าง ๆ เปิดบริการทุกวันเวลา 9.00 - 17.00 น. สอบถาม รายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ องค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ต โทร. 0-7621-1877, 0-7621-1866

ตึกโบราณสถาปัตยกรรมแบบชิโน-โปรตุกีส
นอกจาก ภูเก็ต จะเป็นเมืองท่องเที่ยวที่มีธรรมชาติอันสวยงามแล้ว ยังมีอาคารรุ่นเก่าในตัวเมืองภูเก็ต ที่เป็นทั้งบ้านเรือน ร้านค้า สถานที่ราชการ ธนาคาร และอื่น ๆ อีกมากมาย อาทิ อาคารปัจจุบันที่ทำการศาลากลางจังหวัด ศาลจังหวัด ป้อมตำรวจตรงสี่แยกชาร์เตอร์ส่วนใหญ่เป็นตึกซึ่งสร้างขึ้นเมื่อสมัยเกือบ ร้อยปีมาแล้ว เมื่อครั้งกิจการเหมืองแร่เริ่มเจริญใหม่ ๆ ลักษณะของตัวอาคารมีส่วนลึกมากกว่าส่วนกว้าง หน้าต่าง ประตู เป็นไม้ฉลุลาย

ลักษณะสถาปัตยกรรมเหล่านี้ในยุคแรก มีอิทธิพลของจีนอยู่มาก การก่อสร้างส่วนใหญ่เป็นตึกแถว 2 ชั้น หรือชั้นเดียว กำแพงหนา เพราะใช้ตัวกำแพงรับน้ำหนัก กระเบื้องหลังคาเป็นกระเบื้องโค้งแบบจีน รูปทรงหลังคา ตลอดจนประตูหน้าต่างและส่วนต่าง ๆ ล้วนเป็นแบบจีนทั้งสิ้น สมัยต่อมาจึงเริ่มมีการผสมผสานกับสถาปัตยกรรมแบบยุโรป เรียกว่า สถาปัตยกรรมแบบ ชิโน-โปรตุกีส (Chinois Postugess)

ปัจจุบันสามารถพบเห็นสถาปัตยกรรมแบบชิโน-โปรตุกีสได้ทั่วไปบริเวณถนนถลาง ถนนดีบุก ถนนพังงา ถนนเยาวราช และถนนกระบี่ ซึ่งถนนเหล่านี้แสดงให้เห็นถึงเอกลักษณ์ของเมืองภูเก็ต และบอกเล่าวัฒนธรรมของเมืองภูเก็ตในอดีตได้เป็นอย่างดี

เมื่อเดินตรงตามถนนถลางไปเรื่อย ๆ ประมาณกลางทางจะพบซอยแยกทางขวามือมีชื่อว่า “ซอยรมณีย์” เป็นซอยหอนางโลมสมัยก่อนแต่ปัจจุบันไม่มีแล้ว ตามตัวอาคารได้มีการตกแต่งทาสีอาคารให้มีสีสันสวยสะดุดตานักท่องเที่ยวผู้มาเยือน ความสวยสะดุดตานี้เองที่ทำให้ซอยนี้ได้กลายเป็นส่วนหนึ่งในฉากหนัง ฉากละครหรือแม้แต่กระทั่งภาพยนตร์โฆษณา และที่นี่เค้าก็มีร้านกาแฟเก๋ ๆ ร้านอาหารรสเด็ดและร้านขายผ้าพื้นเมืองไว้คอยให้บริการนักท่องเที่ยวเช่นกัน

วัดพระทอง (วัดพระผุด)
อยู่ห่างจากตัวเมืองภูเก็ตประมาณ 21 กิโลเมตร ไปตามถนนเทพกษัตรีผ่านสี่แยกอำเภอถลาง ถึงที่ว่าการอำเภอถลางทางด้านขวาจะมีทาง แยกเข้าวัดพระทอง วัดนี้มีพระพุทธรูปผุดขึ้นจากพื้นดินเพียงครึ่งองค์ เมื่อคราวศึกพระเจ้าปะดุง ยกพลมาตีเมืองถลาง พ.ศ. 2328 ทหารพม่าพยายามขุดพระผุดเพื่อนำกลับไปพม่า แต่ขุดลงไปคราวใดก็มีฝูงแตนไล่ต่อยจนต้องละความพยายาม ต่อมาชาวบ้านได้นำทองหุ้มพระพุทธรูปที่ผุดจากพื้นดินเพียงครึ่งองค์ ดังปรากฏอยู่จนถึงปัจจุบัน สร้างในสมัยกรุงศรีอยุธยาตอนปลาย

นอกจากนี้ ยังเป็นที่ตั้งของ พิพิธภัณฑสถานวัดพระทอง เป็นที่เก็บรวบรวมโบราณวัตถุข้าวของเครื่องใช้ของชาวภูเก็ต เช่น จังซุ่ย เสื้อกันฝนชาวเหมืองแร่ดีบุก รองเท้าตีนตุกของสตรีเชื้อสายจีน ที่ต้องมัดเท้าให้เล็กตามค่านิยมของสังคมสมัยนั้น พิพิธภัณฑ์เปิดให้เข้าชมฟรีทุกวัน เวลา 07.00 น. – 17.00 น.

วัดฉลอง (วัดไชยธาราราม)
อยู่ห่างจากตัวเมืองภูเก็ตประมาณ 8 กิโลเมตร ออกจากตัวเมืองไปตามทางหลวงหมายเลข 4021 ผ่านสามแยกบริเวณสนามกีฬาสุรกุล เลี้ยวซ้ายไปทางห้าแยกฉลอง วัดฉลองจะอยู่ทางซ้ายมือก่อนถึงห้าแยกฉลองประมาณ 4 กิโลเมตร เป็นวัดที่มีชื่อเสียงของภูเก็ต มีรูปหล่อของหลวงพ่อแช่ม และหลวงพ่อช่วง ซึ่งเป็นที่เคารพสักการะของชาวภูเก็ต

หาดป่าตอง
ห่างจากตัวเมืองภูเก็ตประมาณ 15 กิโลเมตร ตามเส้นทางถนนวิชิตสงคราม หรือทางหลวงหมายเลข 4020 ไป 9 กิโลเมตร เลี้ยวซ้ายเข้าสู่ทางหลวงหมายเลข 4029 ไปอีก 6 กิโลเมตร เป็นอ่าวที่มีความโค้งมาก หาดทรายงดงามเป็นแนวยาว 9 กิโลเมตร น้ำทะเลใสสะอาด เหมาะแก่การเล่นน้ำ บริเวณหาดมีที่พัก บริษัทนำเที่ยว ศูนย์การค้า แหล่งบันเทิง บริการนักท่องเที่ยวอย่างครบครัน

แหลมพรหมเทพ
เป็นจุดชมวิวที่สวยงามของภูเก็ต อยู่ห่างจากหาดราไวย์ ประมาณ 2 กิโลเมตร เป็นแหลมที่อยู่ตอนใต้สุดของเกาะภูเก็ต ชาวบ้านเรียกว่า แหลมเจ้า จากริมหน้าผามีแนวต้นตาลลาดลงสู่ปลายแหลมที่เป็นโขดหิน สามารถเดินไปจนถึงปลายแหลมได้ มองเห็นน้ำทะเลสีเขียวมรกต และสามารถเห็นเกาะแก้วอยู่ด้านหน้าแหลม ทางขวาจะเห็นแนวหาดทรายของหาด

แหลมพรหมเทพ นับเป็นสถานที่ชมพระอาทิตย์ตกที่สวยงามมากแห่งหนึ่ง นอกจากนั้นยังมี “ประภาคารกาญจนาภิเษก แหลมพรหมเทพ” สร้างขึ้นในวโรกาสที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฉลองสิริราชสมบัติครบ 50 ปี มีขนาดความกว้างที่ฐาน 9 เมตร สูง 50 ฟุต และแสงไฟจากโคมไฟจะมองเห็นไกลถึง 39 กิโลเมตร ใช้เป็นเครื่องหมายในการเดินเรือ เนื่องจากภูเก็ตถือเป็นศูนย์กลางเส้นทางคมนาคมในทะเลอันดามันที่สำคัญ ภายในประภาคารมีการแสดงนิทรรศการเกี่ยวการสร้างประภาคาร การรักษาเวลามาตรฐาน การคำนวณ และแสดงเวลาดวงอาทิตย์ขึ้นและตก เรือหลวงจำลองพร้อมประวัติเรือแต่ละลำ จากบนยอดของประภาคารยังเป็นจุดชมทิวทัศน์บริเวณแหลมพรหมเทพโดยรอบ

อนุสาวรีย์วีรสตรี
อนุสาวรีย์ท้าวเทพกษัตรีและท้าวศรีสุนทร ตั้งอยู่ที่สี่แยกท่าเรือ ห่างจากตัวเมืองภูเก็ต 12 กิโลเมตร เป็นอนุสาวรีย์ที่ชาวภูเก็ตร่วมกันสร้างขึ้น เมื่อปี 2509 เพื่อเชิดชูเกียรติวีรสตรีผู้กล้าหาญแห่งเมืองถลาง

ที่มา กระปุก.คอม  

แสนดีเจริญรุ่งเรือง


2010-04-22 09:53:19 124.121.174.*
stat : 690 posts , 0 replys
 

คำตอบ
 
ข้อความ
รูปแบบพิเศษ ย่อหน้า ตัวหนา ตัวยก ตัวห้อย ตัวหนังสือเรืองแสง ตัวหนังสือมีเงา ตัวเอียง เส้นใต้ สีแดง สีเขียว สีน้ำเงิน สีส้ม สีชมพู สีเทา แทรกรูปจาก internet แทรกไฟล์ youtub vdo
Emotions
ชื่อ
email
ซ่อน E-Mail
.
สมัครสมาชิก Click ที่นี่ | เข้าสู่ระบบ Click ที่นี่




User :
Pass :
ลืมรหัสผ่าน

 
 
 
© Copyright 2010 WWW.MEEMARKET.COM All Rights Reserved.